'7หลักทรัพย์'ประเดิมมาตรการใหม่

หัวข้อกระทู้ ใน 'ข่าวสารการลงทุน' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 7 มกราคม 2015.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    "7หลักทรัพย์"ประเดิมมาตรการใหม่ โบรกเกอร์ เผยสิ้นปี57มีหุ้นในตลาด 400 บริษัทให้ผลตอบแทนติดลบ

    ตลาดหลักทรัพย์ประกาศใช้มาตรการคุมหุ้นร้อนกับ 7 หลักทรัพย์ อีเอ็มซี-วอร์แรนท์ชุด4-เจนโก้-วอแรนท์ชุด1เจนโก้-เคซี-ระยองไวน์-เพาเวอร์โซลูชั่นเหตุราคาพุ่ง และวอลุ่มทะลักผิดปกติ ด้านโบรกชี้มาตรการใหม่กดดันให้หุ้นเก็งกำไร พบสัปดาห์สุดท้ายของปี2557 หุ้นไทยกว่า 400 บริษัทที่ให้ผลตอบแทนติดลบ7-20%

    รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า ตลาดหลักทรัพย์ได้ประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขายซึ่งเป็นมาตรการคุมหุ้นร้อนใหม่โดยสั่งให้7 หลักทรัพย์ต้องซื้อขายในบัญชีแคชบาลานซ์ หมายถึงบัญชีที่สมาชิกต้องดำเนินการให้ลูกค้าวางเงินสดไว้ล่วงหน้ากับสมาชิกเต็มจำนวนที่จะซื้อหลักทรัพย์ ห้ามการใช้หลักทรัพย์เป็นหลักประกันในการกำหนดวงเงินการซื้อขายหลักทรัพย์ รวมถึงห้ามการหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 7-27 ม.ค.2558 ซึ่งหุ้นดังกล่าวประกอบด้วย

    หุ้นบริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน) EMC ใบสำคัญแสดงสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญ ของบริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 4 EMC-W4 บริษัทบริหารและพัฒนาเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จำกัด(มหาชน) GENCOใบสำคัญแสดงสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญ ของบริษัทบริหารและพัฒนาเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จำกัด(มหาชน) ครั้งที่ 1 GENCO-W1 บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) KC บริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ จำกัด (มหาชน) RWI บริษัท เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) PSTC

    นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคเคเทรด กล่าวว่าจากการติดตามกลุ่มหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงในแต่ละสัปดาห์ พบว่า สัปดาห์ก่อนซึ่งเป็นสัปดาห์ทำการสุดท้ายก่อนจบปี2557 (22-29 ธ.ค.) มีหุ้นเพียง 30 ตัวที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก และมีเพียง 4 ตัวที่ปรับตัวขึ้นมากกว่าดัชนีหุ้นไทยที่ติดลบ 2.5%ขณะที่มีหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเป็นลบมากถึงราว 400 ตัว และหุ้นที่ราคาคงที่อีกราว 200 ตัว ในหุ้น 30 ตัวที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกก็ไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน คือเป็นในลักษณะการปรับตัวบวกน้อยๆแค่ไม่ปรับตัวลงมาตามตลาดเท่านั้น ไม่ชัดเจนว่าเป็นหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมใด หรือเป็นกลุ่มหุ้นเล็กหรือใหญ่ และยังเป็นหุ้นคนละกลุ่มกับในชุดที่มีการเปลี่ยนแปลงมากสุดในรอบสัปดาห์ก่อนหน้านี้ กล่าวคือไม่มีหุ้นที่อยู่ในขาขึ้นชัดเจน ลักษณะแบบนี้จึงสะท้อนภาพตลาดที่อยู่ในขาลง ตรงกับมุมมองของฝ่ายวิจัย โดยการจะกลับมาเป็นขาขึ้นได้จะต้องเห็นหุ้นขนาดใหญ่กลับมาบวกพร้อมกัน และให้นักลงทุนระยะสั้นเข้าเก็งกำไรกลุ่มหุ้นที่ปรับขึ้นดีต่อเนื่องอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์

    เมื่อหันมาดูหุ้นที่ปรับตัวลงมากพบว่า มีหุ้นจำนวนมากที่ปรับตัวลงแรงเกินกว่า 7% ขึ้นไป หลายตัวติดลบเกือบๆ 20% ซึ่งมีจำนวนราว 50 ตัวและมักเป็นหุ้นขนาดเล็กมากที่มีการเก็งกำไรรุนแรงช่วงก่อนหน้า

    "สะท้อนว่าตลาดเริ่มชะลอการเล่นหุ้นร้อน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความระมัดระวังต่อมาตรการสกัดจับหุ้นร้อนใหม่ของตลาดหลักทรัพย์ ในขณะที่หุ้นขนาดใหญ่ในเซท50 ปรับตัวลงราว 2-5% ในลักษณะซึมลง จึงสะท้อนว่าตลาดอาจเข้าภาวะผันผวนไปอีกระยะ"นักวิเคราะห์กล่าว

    นักวิเคราะห์กล่าวว่าในภาวะตลาดซึมๆแบบนี้ จึงไม่เหมาะแก่การเข้าลงทุนสำหรับนักลงทุนระยะสั้นที่ลงทุนตามแนวโน้ม นอกจากหุ้นส่วนใหญ่จะเป็นขาลงแล้ว ยังคาดเดาได้ยากว่าหุ้นตัวไหนหรือกลุ่มไหนจะกลับมาบวกสวนตลาดได้เนื่องจากไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน เว้นแต่นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้มากอาจหาจังหวะเข้าลงทุนเพื่อคาดหวังการรีบาวน์ระยะสั้น หากตลาดเกิดแรงขายตกใจ โดยแนะนำกลุ่มหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี แต่ราคาปรับตัวลงแรงกว่าตลาดมาก

    Tags : ตลาดหลักทรัพย์ • หุ้น • อีเอ็มซี

    [​IMG]
     

แบ่งปันหน้านี้