สรท.คาดส่งออกปี 58 โตไม่เกิน 2.5% จีดีพี โต 3-3.5% เผยปัจจัยเสี่ยงเพียบ น้ำมันโลกร่วงหนัก ฉุดเศรษฐกิจโลกทรุด คาดอียูตัดจีเอสพี ส่งผลยอดส่งออกเข้ายุโรปลดลง 10% ยอดหด 3 พันล้านดอลลาร์ นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยถึงแนวโน้มการส่งออกในปี 2558 ว่าการส่งออกของไทยน่าจะขยายตัวไม่เกิน 2.5% ซึ่งต่ำกว่าที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวได้ถึง 4% เนื่องจากปีนี้มีปัจจัยเสี่ยงด้านการส่งออกมากพอสมควร ได้แก่ สหภาพยุโรปตัดสิทธิพิเศษทางภาษี (จีเอสพี) ของไทยทั้งหมด วิกฤติเศรษฐกิจรัสเซียซึ่งจะกระทบต่อกำลังซื้อของภูมิภาคยุโรป (อียู) และราคาน้ำมันโลกผันผวน ขณะที่จีดีพีปีนี้ คาดว่าจะขยายตัวเพียง 3-3.5% และไม่ถึง 4%อย่างแน่นอน "ปีที่ผ่านมา สรท.ไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบจากราคาน้ำมันตลาดโลกลดลงมากเท่าไร แต่จากสถานการณ์ปัจจุบัน มองว่าการที่ราคาน้ำมันโลกลดลงมากกว่า 40% จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกรุนแรงมากกว่าผลกระทบด้านบวก เพราะเป็นราคาที่ลดลงจากสงครามเศรษฐกิจระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ ไม่ได้เกิดจากกลไกตลาดตามปกติ ทำให้มีความเสี่ยงสูงที่ราคาน้ำมันอาจถีบตัวสูงขึ้นได้ทุกเมื่อ เกิดความผันผวนในตลาดน้ำมันโลก รวมทั้งที่ราคาน้ำมันลดลงอย่างรุนแรง ทำให้ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันต่างมีกำลังซื้อที่ลดลง และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และสินค้าการเกษตรหลายชนิดมีแนวโน้มสูงที่จะลดลงตามราคาน้ำมัน" นายนพพร กล่าว นายวัลลภ วิตนากร รองประธาน สรท. กล่าวว่า ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปแม้การส่งออกจะขึ้นอยู่กับอัตราการขยายตัวของตลาดโลก แต่นโยบายรัฐบาลไทยจะสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ หากรัฐบาลไม่ทำอะไรเลย ยอดส่งออกไทยอาจแพ้เวียดนามได้ภายใน 5 ปี เนื่องจากไทยจำเป็นต้องปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตในทุกๆ ด้าน ปัญหาเทคโนโลยีการผลิตที่ล้าหลัง และบางสินค้าพึ่งพาตลาดส่งออกหลักเพียงไม่กี่ประเทศ โดยเฉพาะสินค้าเกษตร เช่น ยางพารา ที่ไทยพึ่งพาตลาดจีนสูงถึงกว่า 40% แต่ภายหลังจากจีนไปส่งเสริมให้ประเทศต่างๆ ปลูกยางพาราจนล้นตลาด ทำให้ใช้ความเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่มากำหนดราคายางพาราได้ ส่งผลให้ราคายางพาราตกต่ำมาก ซึ่งมองว่าในอนาคตมันสำปะหลังน่าเป็นห่วงแม้ในปีที่ผ่านมาจะขยายตัว 10% เนื่องจากเป็นสินค้าที่พึ่งพาตลาดจีนสูงถึง 60% ซึ่งหากจีนลดการนำเข้าก็จะกระทบราคาอย่างรุนแรง “ถ้าไทยไม่ปรับตัวให้แข็งแกร่ง ไม่ฉวยโอกาสการเปิดเออีซี รุกทำตลาดประเทศเพื่อนบ้าน พัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องของลูกค้า เน้นค้าชายแดนอย่างเดียว ก็อาจต้องเสียตลาดอาเซียนให้จีน และสมาชิกอาเซียนก็จะเปลี่ยนจากพันธมิตรร่วมกันค้าขายมาเป็นการแข่งขันกันอย่างรุนแรง ซึ่งสุดท้ายไทยจะล้าหลังไปมาก ดังนั้นไทยจำเป็นต้องเร่งปรับตัวบุกตลาดอาเซียน ย้ายฐานเข้าไปลงทุน และเข้าไปบุกเบิกตลาดทุกหัวเมือง เพื่อปักธงสินค้าไทยให้เข้มแข็งในอาเซียน ทำให้ไทยใช้ประโยชน์จากเออีซีสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศอย่างเต็มที่” นายวัลลภ กล่าว ด้านตลาดส่งออกหลักไทย มองว่าตลาดอาเซียนจะมีอัตราการเติบโตของจีดีพีสูงสุด 5.4% สูงกว่าปีก่อนที่เติบโต 4.7%ขณะที่ตลาดสหรัฐฯจะเติบโต 3.1% สูงกว่าปีก่อนที่โต 2.2% ตลาดสหภาพยุโรปโต 1.3% สูงกว่าปีก่อนที่โต 0.8% ตลาดอินเดียโต 6.4% สูงกว่าปีก่อนที่โต 5.6% และตลาดรัสเซียโต 0.5% สูงกว่าปีก่อนที่โต 0.2% ส่วนตลาดที่มีแนวโน้มจีดีพีโตลดลง ได้แก่ จีน ขยายตัว 7.1% ลดลงจากปีก่อนที่โต 7.4% ญี่ปุ่นเติบโต 0.8% ต่ำกว่าปีก่อนที่โต 0.9% สำหรับการส่งออกปี 2557 มองว่าในเดือนธ.ค.จะมียอดส่งออกประมาณ 1.18 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้มูลค่าส่งออกกลับมาเป็นบวก ส่งผลให้ทั้งปี 2557 การส่งออกจะติดลบ 0.2% ลดลงจากยอดรวม 11 เดือนที่ติดลบ 0.4% ซึ่งเป็นการติดลบ 2 ปีติดต่อกัน Tags : นายนพพร เทพสิทธา • สรท. • น้ำมัน • การส่งออก • เศรษฐกิจโลก