กสิกรไทย มองตลาดเงินปีหน้าผันผวน ดันยอดทำ "เฮดจิ้ง" พุ่ง หนุนรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่ม นายวศิน วณิชย์วรนันต์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกทำให้ตลาดเงินในปีหน้ายังมีความผันผวน ซึ่งเชื่อว่าจะดึงดูดให้ลูกค้าหันมาป้องกันความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากในปีนี้ที่ลูกค้ายังป้องกันความเสี่ยงไม่มากนักและจะส่งผลต่อรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยของธนาคารให้เพิ่มขึ้น โดยในปีหน้ารายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยจะเป็นเป้าหมายหลักสำหรับธุรกิจรายใหญ่ของธนาคาร นอกจากรายได้จากธุรกิจปริวรรตเงินตราแล้วยังมีโอกาสจากธุรกิจทรานแซคชั่นแบงก์กิ้งและวานิชธนกิจ โดยในปีนี้ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ(เทรดไฟแนนซ์)เติบโตได้ดีมาก ทำให้สัดส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคารเพิ่มขึ้น 1% จากปีก่อนมาอยู่ที่ 45% ของรายได้รวม ซึ่งธนาคารมีเป้าหมายที่จะเพิ่มเป็น 50%ในอนาคต นอกจากนี้ ส่วนธุรกิจวาณิชธนกิจยังมีดีลใหญ่อีก 2 ดีลที่เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปีหน้าอีกด้วย สำหรับแนวโน้มธุรกิจสินเชื่อรายใหญ่ในปีหน้ายังมีทิศทางที่ดีจากความคาดหวังในการลงทุนภาครัฐ ที่คาดว่าจะมีงบประมาณการลงทุนออกมา 2.5 แสนล้านบาทในปีหน้า จะเข้ามาสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้อยู่ในระดับ 4% ในส่วนของธนาคารมีเป้าหมายการสร้างรายได้และการเติบโตสินเชื่อ 4-7% จากปีนี้ที่คาดว่าจะทำได้ระดับ 4-6% “ปีหน้าสถานการณ์ยังคลุมเครือ ต่างประเทศมีเรื่องน้ำมันที่ต้องหาสมดุลใหม่ว่าจะจบที่ไหน เช่นเดียวกับดอกบี้ยที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของรัสเซีย ขณะที่สหรัฐก็ยังต้องดูทิศทางดอกเบี้ยด้วย ส่วนราคาน้ำมันยังทำให้การส่งออกสินค้าเกษตรในปีหน้าลดลงโดยเฉพาะมันและยางที่ใช้ผลิตยางรถยนต์และพลังงานทดแทน ถึงจะส่งออกเท่าเดิมแต่บาทอ่อนก็ไม่สามารถชดเชยมูลค่าที่ลดลงได้ เพราะราคาน้ำมันกดดันโภคภัณฑ์มาก” นายวศินกล่าวอีกว่า ธนาคารได้เปิดให้บริการจัดการเอกสารแอล/ซีในประเทศผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic DomesticLetter of Credit) หรือ E-DL/C บนระบบ K-Trade Connect เพื่อให้ธุรกิจและคู่ค้าสามารถดำเนินการด้านเอกสารแอล/ซีในประเทศ(DL/C) ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ทั้งกระบวนการ โดยนำร่องเปิดให้บริการแก่บริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัด ผู้ผลิตเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อนชั้นนำของไทย และบริษัท ยงเจริญชัย (2007) จำกัด ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของบริษัทฯ บริการจัดการเอกสารแอล/ซีในประเทศผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ จะอำนวยความสะดวกให้แก่บริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัดในฐานะผู้ขาย และบริษัท ยงเจริญชัย (2007) จำกัด ในฐานะผู้ซื้อ ในการดำเนินการด้านเอกสาร DL/C ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งกระบวนการ เริ่มจากขั้นตอนที่ผู้ซื้อเปิด DL/C ไปยังผู้ขายผ่านระบบ และจากนั้นเมื่อผู้ขายดำเนินการส่งสินค้าตามสัญญาซื้อขายภายใต้DL/C แล้ว จะส่งใบเรียกเก็บเงิน (Invoice) ไปให้ผู้ซื้อผ่านระบบด้วย เพื่อผู้ซื้อจะดำเนินการชำระเงินต่อไป ดังนั้นโดยภาพรวมแล้วบริการจัดการเอกสารแอล/ซีในประเทศผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Domestic Letter ofCredit) หรือ E-DL/C นี้จะช่วยคู่ค้าทั้งในเรื่องความสะดวกในการทำเอกสาร ช่วยลดต้นทุนทั้งในแง่ค่าใช้จ่ายและเวลา และช่วยให้ทั้งสองฝ่ายสามารถทำธุรกรรมและติดตามสถานะเอกสารในระบบได้ ทุกที่ทุกเวลาอีกด้วย ทั้งนี้ธนาคารกสิกรไทย เตรียมขยายบริการแก่กลุ่มธุรกิจที่มีเครือข่ายธุรกิจ (Supply Chain) ขนาดใหญ่ เพื่อให้บริการดังกล่าวเป็นหนึ่งในมาตรฐานการดำเนินธุรกิจของบริษัทไทยในการเพิ่มประสิทธิภาพดำเนินธุรกิจในยุคเออีซี ปัจจุบันบริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัด มีคู่ค้าหลัก (Dealer) จำนวนกว่า 20 ราย และมีการขายสินค้าด้วยแอล/ซีในประเทศเป็นสัดส่วนถึง 40% ของมูลค่าขายในประเทศ โดยบริษัทฯ ต้องเปิด DL/C ปีละมากกว่า 400 ฉบับ และเตรียมเอกสารใบเรียกเก็บเงิน ปีละมากกว่า 4,000 ฉบับ จึงเชื่อว่าบริการจัดการเอกสารแอล/ซีในประเทศผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Domestic Letter ofCredit) หรือ E-DL/C จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่บริษัทฯ ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเบื้องต้นคาดว่าจะช่วยลดระยะเวลาในการเตรียมและยื่นเอกสารเพื่อขอเรียกเก็บเงินได้ไม่ต่ำกว่า 30% ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางรับ-ส่งเอกสารไม่ต่ำกว่า 600,000 บาทต่อปี รวมถึงเพิ่มความสะดวกให้กับบริษัทฯ สามารถทำธุรกรรมและตรวจสอบสถานะได้ทุกที่ทุกเวลา บริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัด เป็นผู้ผลิตเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน ซึ่งมีส่วนสำคัญในการช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย และบริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะก้าวเป็นผู้นำธุรกิจนี้ในภูมิภาคอาเซียนในอนาคต ซึ่งการบริหารจัดการด้านเอกสารบนระบบอิเล็กทรอนิกส์นับเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้แก่ธุรกิจของบริษัทฯ และเชื่อว่าจะมีส่วนช่วยต่อยอดธุรกิจในระดับภูมิภาคต่อไป Tags : วศิน วณิชย์วรนันต์ • กสิกรไทย • ค่าธรรมเนียม • ตลาดเงิน