ผมนั่งทำรายการ ออโต้ เซอร์วิส ทางคลื่น 90.5 ช่วงบ่ายโมงทุกๆวันจันทร์-ศุกร์ มีคำถามเข้ามามากมาย และหนึ่งในนั้่นก็คือ คำถามเกี่ยวกับ เชฟโรเลต ครูซ แต่ผมก็ไม่เคยสามารถให้คำตอบที่กระจ่างแจ้งได้เลย เพราะตั้งแต่เปิดตัวมา ผมก็คลาดแคล้วกับครูซเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2553 ล่าสุด ครูซ ขยับตัวด้วยกาส่งรุ่นอี 85 เข้าสู่ตลาดในรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เริ่มมีคนสนใจมากขึ้น อย่างน้อย ภาษีสรรพสามิตรถก็ต่ำลงไปอีก 3% และตัวเชื้อเพลิง อี 85 เอง ก็มีราคาถูกกว่าเชื้อเพลิงกลุ่มเบนซินอื่นๆ แม้อี 85 ยังมีคำถามอีกมาก โดยเฉพาะ 2 ประเด็นคือ ความสิ้นเปลืองที่มากกว่า และการหากสถานีบริการเติมได้ยาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าเครื่องยนต์สเปค อี 85 จะใช้ได้เฉพาะอี 85 เท่านั้น มันใช้ได้หมดตั้งแต่เบนซินแท้ๆ ราคาเหยียบ 50 บาท หรือจะใช้ อี 10 อี 20 ก็ได้ทั้งนั้น จริงๆแล้วผมก็อยากจะส่งเสริมให้ใครซื้อรถประเภทไหน ก็ใช้เชื้อเพลิงประเภทนั้น เพราะได้แต้มต่อด้านภาษีมาแล้ว ก็ควรใช้ให้ตรงกับเจตนาของการกำหนดพิกัด แต่ก็เข้าใจครับว่ามันหาปั๊มได้ยาก แต่จะว่าไปแล้วขณะนี้ ปั๊ม ที่จำหน่ายอี 85 ก็มีอยู่ไม่น้อย ทั่วประเทศ 51 แห่ง อยู่ในกรุงเทพและปริมณฑล 27 แห่ง แต่ถ้าใครที่มีข้อสงสัยว่าเติมแล้วประหยัดกว่า หรือแพงกว่า เพราะ "เขาว่ากันว่า" อี 85 เปลืองกว่ากันมาก กำลังเครื่องยนต์ก็น้อยกว่า ผมไม่อยากให้ฟังอย่างเดียวครับ ของอย่างนี้ต้องพิสูจน์ และจะให้ดีก็พิสูจน์ด้วยตัวเอง ว่าลักษณะการขับขี่โดยปกติของท่านนั้น เหมาะสมหรือไม่ วิธีการดูว่าเปลืองกว่า หรือประหยัดกว่า ให้ลองคำนวณออกมาเป็นค่าใช้จ่ายครับ คิดดูว่าค่าเฉลี่ย กี่บาท/กม. จะเห็นผลได้ชัดเจนกว่าไปคิด เป็น กม./ลิตร เพราะแน่นอนว่าการสิ้นเปลืองเชิงปริมาณนั้น อี 85 สิ้นเปลืองมากกว่าแน่ ครูซ แม้จะมีเชื้อเกาหลี แต่หน้าตาก็มีอารมณ์ของอเมริกัน รถดูบึกบึน ตัวถังดูค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับรถในตลาดเดียวกันคือ คอมแพค การออกแบบเน้นดูสุขุมนุ่มลึกมากกว่าสปอร์ต มุมมองด้านหน้าดูหนักๆ โดยเฉพาะการออกแบบฝากระโปรงที่มีขอบสันชัดเจน ไฟหน้าสี่เหลี่ยมคางหมู ปลายตัวเข้าหาแก้มรถ แต่ก็ลดมุมมองตันๆ ของกันชนหน้าใต้โคมไฟด้วยช่วงดักลมขนาดใหญ่ ที่ฝังไฟตัดหมดเอาไว้ กระจังหน้าทรง 5 เหลี่ยมกลายๆ แถบคาดกลาง พร้อมกับสัญลักษณ์โบไทป์ ที่ค่อนข้างโดดเด่น ส่วนด้านหลัง ดูไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก และผมก็ไม่ค่อยชอบรูปทรงของไฟท้ายสักเท่าไร ดูธรรมดาเกินไป เมื่อเทียบกับด้านหน้า อันนี้ก็แล้วแต่รสนิยมของใครของมันครับ ภายในเน้นความหรูหรา ทำได้ดูดีครับ สวยงาม น่านั่ง วัสดุต่างๆ ดูมีราคา ทั้งเบาะหนังเนื้อดี หรือวัสดุที่คอนโซล แผงประตู คันเกียร์ หรือพวงมาลัยหุ้มหนัง เป็นพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ควบคุมระบบเครื่องเสียง ครูสคอนโทรล และดูข้อมูลการใช้งานของรถ คอนโซลกลางที่ฝังเครื่องเสียง มอนิเตอร์ ล้อรูปทรงมาจากคอนโซลหน้า ออกแบบ 5 เหลี่ยมแบบคลี่คลาย แต่ปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศซึ่งอยู่ใต้ชุดเครื่องเสียงลงมา เป็นปุ่มกลมๆ ขนาดใหญ่ ด้านซ้ายปรับอุณหภูมิ ปุ่มขวาปรับระบบความแรงของพัดลม ซึ่งได้ปุ่มขวานี่สร้างปัญหานิดหน่อย เพราะเมื่อเอาขาซ้ายพักด้วยการพิงกับคอนโซล มันไปโดนปุ่มพัดลม แรกๆ ผมก็นึกว่าระบบอัตโนมัติทำงาน แต่ก็สงสัยว่าทำไมปรับแรงจัง จนสักพักถึงได้รู้ว่าเขาไปโดนครับ ถ้าหากว่าดันๆให้มันอยู่ในตำแหน่งที่ลึกๆเข้าไปหน่อย หรือลดขนาดปุ่มลง ก็น่าจะช่วยได้ เบาะนั่งสบายครับ ใหญ่ นุ่ม และกระชับลำตัว ซึ่งหลังๆ ผมรู้สึกว่ารถหลายๆรุ่นก็ออกแบบที่ให้ความรู้สึกแบบนี้กันมากขึ้น ทั้งรถเล็ก รถใหญ่ ปรับตำแหน่งแล้ว การควบคุมพวงมาลัย หรือว่าตำแหน่งอุปกรณ์ต่างๆ ทำได้ถนัดมือ ทัศนวิสัยโดยรวมดีในทุกมุมมอง เครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 177 นิวตันเมตรที่ 3,800 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด อืดไหม ส่วนใหญ่คนมักจะถามกันตรงนี้ สำหรับรถอี 85 ไม่อืดครับ ถ้าวัดจากความรู้สึกที่ได้ ผมว่ามันคงจะแตกต่างกันบ้าง ถ้าวัดกันด้วยเครื่องไม้เครื่องมือ แต่ถ้าวัดจาการขับขี่จริงๆ ไม่ได้รูัสึกอะไรที่ผิดสังเกตครับ ช่วงออกตัวอาจจะดูมีจังหวะหน่วงๆบ้างเล็กน้อย แต่นั่นผมว่าเป็นบุคลิกของรถ ของเกียร์มากกว่า เพราะถ้าอืดจากเชื้อเพลิง ก็ต้องออกอาการกันในทุกย่านความเร็ว แต่สำหรับครูซ อี85 เมื่อผ่านความเร็วช่วงกลางแล้ว ก็ไล่ขึ้นได้อย่างสนุก ไปจนถึงระดับ 140-150 ได้ไม่ยาก สังเกตได้ว่าผมมักจะใช้ความเร็วเกินปกติอยู่ในระดับนี้เป็นส่วนใหญ่ นานๆทีจึงจะสูงไปกว่านี้ เพราะคิดว่าสภาพถนน สภาพการจราจร ในบ้านเราน่าจะเหมาะกับความเร็วนี้ แม้ว่าจะดูว่าถนนช่วงนั้นโล่งๆก็ตาม จุดเด่นของครูซสิ่งหนึ่งที่ต้องยกให้ก็คือช่วงล่างครับ ให้อารมณ์ที่ดี มั่นใจกับการใช้ความเร็ว เกาะถนนดี และรู้สึกแน่น ไม่ปลิว ไม่ร่อน พวงมาลัยก็แม่นยำสูง ช่วยให้จิกโค้งได้ตามที่เราต้องการ ไม่รู้สึกเหวอ หรือต้องแก้อาการกันในทางโค้ง ผมขับครูซ 1.8 อี85 ไม่มากนัก เกือบๆ 400 กม. และส่วนใหญ่ก็ใช้งานในกรุงเทพ ออกต่างจังหวัดไปไกลๆ ก็แถวๆริมน้ำนครชัยศรี นครปฐม เมื่อนำรถไปส่งคืน ผมกดดูอัตราสิ้นเปลืองตลอดการใช้งาน ได้ตัวเลข 9 กม./ลิตร ซึ่งผมถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจเลยทีเดียว เพราะอย่างน้อยๆ ทุกเช้าผมต้องฝ่าฟันการจราจรกับสะพานสาทร ถนนสาทร ที่รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ติดมากกว่าปกติ บางวันเกือบ 1 ชม. ยังไม่ได้ข้ามแม่น้ำ 9 กม./ลิตร ตัวเลขนี้ พิมพ์ไม่ผิดนะครับ ยืนยันอีกที ช่วงนี้เห็นเขาชอบผิดกันอยู่ด้วย Tags : เชฟโรเลต • ยานยนต์