สำนักงบฯยึดขาดดุลกระตุ้นเศรษฐกิจ คลังเผยเตรียมใช้เงินโรลโอเวอร์ ตั๋วเงินคงคลังชดเชยดอกเบี้ย “สมศักดิ์” รับจำเป็นต้องใช้นโยบายขาดดุลงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รอประชุมร่วม 4 หน่วยงานเดือน ม.ค.กำหนดกรอบงบประมาณปี 59 เผยเบิกจ่ายคืบ 20% เร่งหน่วยงานลุยเบิกงบลงทุน คาดได้ตามเป้าไตรมาส 1 ของปีงบประมาณ 32% ชี้งบฯจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน สบน.เป็นหน่วยงานบริหาร นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยถึงแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2559 ที่ก่อนหน้านี้ นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จะมีการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี ที่กรอบ 2.88 ล้านล้านบาท และขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นเป็น 3 แสนล้านบาท สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศขณะนี้ การตั้งงบประมาณขาดดุลเพิ่มขึ้นถือว่ามีความจำเป็น เพื่อให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น และช่วยส่งเสริมการขยายตัวของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กระทรวงการคลัง ยังไม่ได้มีการหารือโดยตรงกับสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยภายในเดือน ม.ค.2558 ทั้ง 4 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี ได้แก่ กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงบประมาณจะมีการประชุมร่วมกันเพื่อกำหนดกรอบวงเงินงบประมาณที่ชัดเจน โดยต้องพิจารณาข้อมูลต่างๆ ประกอบ เช่น การจัดเก็บรายได้ภาครัฐของกระทรวงการคลัง และแนวโน้มเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศด้วย ส่วนความคืบหน้าในการเบิกจ่ายงบประมาณในปี 2558 จากงบประมาณปี 2558 วงเงินรวม 2.575 ล้านล้านบาท ที่รัฐตั้งเป้าหมายการเบิกจ่ายภาพรวมว่าต้องไม่น้อยกว่า 96% โดยมีเป้าหมายการเบิกจ่ายในไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ (ต.ค.- ธ.ค.) 32% ขณะนี้เบิกจ่ายได้แล้วกว่า 20% โดยได้มีการเร่งรัดให้หน่วยงานราชการต่างๆ เร่งเบิกจ่ายงบลงทุนและการทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างในโครงการต่างๆ ให้แล้วเสร็จ คาดภายในเดือน ธ.ค.นี้ การเบิกจ่ายงบประมาณจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งนี้ สำนักงบฯ ได้รายงานความคืบหน้าในการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2558 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.- 30 พ.ย. 2557 มีการเบิกจ่ายงบประมาณไปแล้วทั้งสิ้น 592,443 ล้านบาท เป็นการเบิกจ่ายงบประมาณประจำ จำนวน 525,461 ล้านบาท หรือ 20% ของงบประมาณ 2.575 ล้านล้านบาท ซึ่งการเบิกจ่ายสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10% ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนที่มีการกำหนดวงเงินไว้ 444,410 ล้านบาท มีการก่อหนี้ผูกพันแล้ว 54,933 ล้านบาท หรือ 12% มีการเบิกจ่ายแล้ว 23,578 ล้านบาท หรือ 5% ของวงเงินรายจ่ายของงบประมาณทั้งหมด จากการติดตามคาดว่าจะมีการทำสัญญาเพิ่มเติมเดือน ธ.ค. นี้ และมีการเบิกจ่ายได้ภายในไตรมาส 2 ปีหน้า “ตอนนี้การเบิกจ่ายในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2558 ได้ 20% จากที่ตั้งเป้าไว้ 32% ถือว่าเพิ่มขึ้นมากจาก 13% ในเดือนก่อน ซึ่งระยะเวลา 1 เดือนที่เหลืออยู่ พยายามให้หน่วยงานต่างๆ เร่งรัดการเบิกจ่าย โดยเฉพาะในส่วนของงบลงทุนคาดจะได้ตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ก็ใกล้เคียง” นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า วงเงินตามเงินกู้ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ วงเงิน 3.5 แสนล้านบาทที่ไม่ได้ดำเนินการตามแผนที่คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (กบอ.) ได้วางไว้ ขณะนี้วงเงินดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ซึ่งต้องพิจารณาแผนของ สบน.ว่า มีวิธีการจัดการกับเงินจำนวนดังกล่าวอย่างไร แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า แนวทางบริหารจัดการวงเงินกู้ตามกฎหมายที่มีการกู้มาโดยรัฐบาลและไม่ได้มีการนำไปใช้ตามโครงการหรือตามนโยบาย สบน.จะนำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้ในการไถ่ถอนพันธบัตรหรือตั๋วเงินคงคลังของรัฐบาลระยะสั้นอายุ 7 วัน ถึง 6 เดือน เพื่อนำเงินที่ได้มาใช้ชำระดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต้องเสียให้กับธนาคารพาณิชย์ต่อไป Tags : นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ • สำนักงบประมาณ • สศช. • กระทรวงการคลัง • สบน.