นายกรัฐมนตรี รับต้องตรวจสอบกรณีข่าวว่า ทหารไทย ยิงหญิงกัมพูชา เสียชีวิต จะหารือ สมเด็จฮุนเซน อีกครั้งวันนี้ แจง ประชุม นบข. เปิดบัญชีสต๊อก คาดขาดทุน 6.8 เเสนล้าน - หวังปีหน้าส่งออกข้าวเป็นที่ 1 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงกรณีที่มีการเสนอข่าวว่า มีทหารไทยยิงหญิงกัมพูชา เสียชีวิต 1 ราย เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ที่ผ่านมาว่า ต้องมีการตรวจสอบกันก่อน เนื่องจากเหตุการณ์ตามแนวชายแดน หรือเหตุการณ์ต่างๆ มีหลายเรื่องทั้งการปะทะกับพวกลักลอบตัดไม้ ซึ่งมีคณะทำงานคอยดูแลอยู่แล้ว ทั้งนี้ ทางรัฐบาลกัมพูชา ได้มีหนังสือถึงไทยตลอดเมื่อมีเหตุปะทะกัน อย่างไรก็ตาม การหารือกับ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ในวันนี้จะมีการพูดคุยกันในทุกเรื่อง ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การให้การต้อนรับ นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีของจีน ในช่วงเย็นของวันนี้ จะมีการลงนามความร่วมมือ 2 ฉบับ คือ การร่วมดำเนินการตามกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558-2565 โดยเฉพาะโครงการรถไฟทางคู่ขนาดมาตรฐาน และการซื้อสินค้าการเกษตรโดยเฉพาะข้าวและยางพารา นายกฯ ประชุม นบข. หวังปีหน้าส่งออกข้าวเป็นที่ 1 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว หรือ นบข. โดยเปิดเผยว่ามีการหารือกันในหลายประเด็น ทั้งสถานการณ์ข้าวโลก ยุทธศาสตร์ข้าวระยะยาว และการอนุมัติการระบายข้าวที่มีการปิดบัญชีแล้ว ซึ่งมีข้าวในสต๊อกรัฐบาลทั้งสิ้น 17 ล้านตัน โดยผ่านมาตรฐาน 2.3 ล้านตัน ต้องปรับปรุงคุณภาพ 13 ล้านตัน เสื่อมสภาพ 7 แสนตัน ซึ่งในส่วนของข้าวที่เสื่อมสภาพ จะมีการแจ้งความและดำเนินคดี ซึ่งได้ส่งเรื่องไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งในการดำเนินคดีนั้น จะมีทั้งส่วนของคดีแพ่งและอาญา ทั้งนี้ มีการคาดว่าในโครงการรับจำนำข้าว 4 โครงการ หากขายข้าวทั้งหมดแล้วจะขาดทุนที่ประมาณ 6.8 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตามทางกระทรวงพาณิชย์จะเป็นผู้ประเมิน ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า สำหรับการระบายข้าวนั้นจะมีทั้งในและต่างประเทศ โดยใช้การประมูล โดยเฉพาะการประมูลยกคลัง ในคลังที่มีข้าวสมบูรณ์ และจะต้องใช้เวลาที่เหมาะสม ซึ่งทางประเทศจีนจะมีการลงนาม MOU ซื้อข้าวไทย 2 ล้านตัน ทั้งนี้ จะพยายามวางแผนระบายข้าวให้หมดภายใน 3 ปี และยังมองว่าในปีหน้าประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะส่งออกข้าวได้เป็นอันดับหนึ่ง