"ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์" ตั้งงบซื้อเอ็นพีแอล 1 พันล้านบาทปีหน้า-เพิ่มเปิดบริการนายหน้าขายประกัน นางสาวธิดา แก้วบุตตา กรรมการ บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 (SAWAD) กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจปี 2558 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้รวมและกำไรสุทธิเติบโตไม่ต่ำกว่า 25-30% ขณะที่พอร์ตลูกหนี้สุทธิน่าจะเติบโตในทิศทางเดียวกัน โดย ณ สิ้นปี 2557 คาดการณ์ลูกหนี้สุทธิอยู่ที่ 7,000 ล้านบาท โดยแผนธุรกิจปี 2558 บริษัทจะเน้นเพิ่มบริการทางการเงินให้ลูกค้ามากขึ้น และไม่มีนโยบายเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ค้ำประกัน แม้ว่าแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจปีหน้าจะค่อนข้างฝืดเคือง ทั้งนี้ ปี 2558 บริษัทเตรียมเปิดธุรกิจตัวแทนขายประกัน ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทประกันหลายแห่ง เพื่อรับเป็นนายหน้าให้ ดังนั้นในปี 2558 บริษัทจะมีรายได้เพิ่มจากธุรกิจใหม่ ประกอบด้วย ธุรกิจบริหารหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ และธุรกิจรับจ้างติดตามหนี้ โดยธุรกิจบริหารหนี้ที่ไม่เกิดรายได้ ในปี 2558 บริษัทตั้งงบลงทุนสำหรับซื้อหนี้มาบริหารประมาณ 1,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการประมูลซื้อ ส่วนธุรกิจรับจ้างติดตามหนี้ ในปี 2558 จะมีความชัดเจนและเริ่มเห็นรายได้จากการรับจ้างติดตามหนี้เพิ่มขึ้น บริษัทวางเป้าหมายภายใน 5 ปีจากนี้ จะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจบริหารหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ และธุรกิจรับจ้างติดตามหนี้ คิดเป็น 15% ของรายได้รวม "ปี 2558 บริษัทจะเติบโตจากการขยายพอร์ต เชื่อว่าทั้งรายได้ กำไรสุทธิ และพอร์ตลูกหนี้สุทธิจะเติบโตประมาณ 25-30% ส่วนการบริหารจัดการภายในที่ดี จะทำให้บริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ที่ระดับ 30% ได้"นางสาวธิดา กล่าว ส่วนแผนการควบรวมหรือซื้อกิจการ ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการที่ประกอบธุรกิจที่ใกล้เคียงกัน ไม่ต่ำกว่า 10 ราย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ นางสาวธิดา กล่าวต่อว่า บริษัทจะเพิ่มสาขาเป็น 1,200 สาขาทั่วประเทศ จากสิ้นปี 2557 คาดว่าจะมีสาขาทั้งสิ้น 1,200 สาขา โดยจัดสรรงบลงทุนสำหรับการเพิ่มสาขา ประมาณ 60-100 ล้านบาท ในส่วนของฐานเงินทุน บริษัทมั่นใจในฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง สามารถรองรับการขยายพอร์ตลูกหนี้ได้ นอกจากนี้ บริษัทยังมีการระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้นกู้ มูลค่า 2,000 ล้านบาท เสนอขายให้กับนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง คาดว่าจะเสนอขายในช่วงต้นปี 2558 บริษัทมีความสนใจในการทำธุรกิจนาโนไฟแนนซ์ แต่ต้องรอดูนโยบายที่แน่ชัดจากกระทรวงการคลังก่อน ทั้งนี้ ในส่วนของโครงสร้างบริษัทซึ่งมีทุนจดทะเบียนเกิน 50 ล้านบาท ทำให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจนาโนไฟแนนซ์ได้ทั่วประเทศ โดยไม่ต้องขอใบอนุญาตเพิ่ม นางสาวธิดา กล่าวอีกว่า บริษัทเพิ่งกลับจากการไปนำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุน 3 ประเทศ คือญี่ปุ่น สิงคโปร์ และฮ่องกง โดยได้รับการตอบรับค่อนข้างดี บริษัทได้ให้ข้อมูลแก่กองทุนมากกว่า 30 แห่ง ซึ่งเชื่อว่าหลังจากได้รับฟังข้อมูลแล้ว นักลงทุนสถาบันต่างประเทศจะเข้าลงทุนในหุ้นบริษัทเพิ่ม จากช่วงเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นแรกๆ ที่มีสัดส่วนนักลงทุนสถาบันต่างประเทศต่ำกว่า 10% "กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่มีนโยบายการขายหุ้นที่ถืออยู่ รวมถึงจะไม่มีการออกหุ้นเพิ่มทุนให้กับนักลงทุนต่างชาติ แต่จะเป็นการเปิดโอกาสให้เข้ามาซื้อในตลาดมากกว่า จากการไปโรดโชว์ คำถามที่ได้รับมากสุดคือความกังวลเรื่องหนี้ครัวเรือนในประเทศไทยที่ค่อนข้างสูง ซึ่งประเมินว่าเป็นเพราะหนี้จากโครงการรถคันแรกมากกว่า ส่วนตัวยังเชื่อว่าตลาดการปล่อยสินเชื่อจะเติบโตได้ต่อเนื่อง" Tags : ธิดา แก้วบุตตา • ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ • ซื้อหนี้