ฟิทช์ชี้ปีหน้าเรทติ้งพลังงาน "ติดลบ" ราคาน้ำมันโลกดิ่งฉุดกำไร-กระแสเงินสด ราคาน้ำมันลดลงต่อเนื่องในช่วงปลายปีนี้ แน่นอนว่าส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจผลิตน้ำมันและแก๊สธรรมชาติ เพราะทำราคาขายลดลง กระแสเงินสดจากการดำเนินงานน่าจะลดลงปีหน้า "ฟิทช์" จัดเรทติ้งแนวโน้มธุรกิจพลังงานผลิตน้ำมัน-แก๊สธรรมชาติ รวม "ปตท." ปีหน้าเป็นลบ หลังราคาน้ำมันลงต่อเนื่องปีนี้ เผยกระทบ"ผลการดำเนินงาน-กระแสเงินสด" ปีหน้าลดลง ส่วนเรทติ้งบริษัทขณะนี้ได้รับผลกระทบไม่มาก นายเลิศชัย ก่อเจริญรัตนกุล ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้าฝ่ายจัดอันดับเครดิตภาคอุตสาหกรรม ให้ความเห็นภายหลังงานสัมมนา "การสรุปข้อมูลการลงทุนในไทย" วานนี้ (16 ธ.ค.) ว่า แนวโน้มของธุรกิจน้ำมันกับแก๊สธรรมชาติในปีหน้าค่อนข้างเป็นลบ เพราะได้รับผลกระทบโดยตรงจากราคาน้ำมันลดลง ขณะที่ขั้นปลายน้ำเป็นธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี อาจไม่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันโดยตรง หรืออาจขาดทุนบ้างเพียงช่วงสั้นๆ ราคาน้ำมันลดลงต่อเนื่องในช่วงปลายปีนี้ แน่นอนว่าส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจผลิตน้ำมันและแก๊สธรรมชาติ เพราะทำราคาขายลดลง กระแสเงินสดจากการดำเนินงานน่าจะลดลงปีหน้าเทียบปีนี้ "ปีนี้ราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปีหน้าราคามีแนวโน้มลดลงอีก ทำให้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานน่าจะลดลง และบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและสำรวจน้ำมันอย่างกลุ่มปตท.จะได้รับผลกระทบจากผลการดำเนินงานและกระแสเงินสดลดลงปีหน้าเช่นกัน"นายเลิศชัย กล่าว อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากราคาน้ำมันลดลง กลับมีผลต่อดันดับเครดิตของกลุ่มบริษัท ปตท.ไม่น่าจะมากหรือ ค่อนข้างน้อย ด้วยปัจจัยสนับสนุน คือ ปัจจัยแรกสถานการณ์การเงินของปตท.ปัจจุบันแข็งแกร่งมาก อัตราส่วนหนี้สินต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานค่อนข้างต่ำแค่ 1.5 เท่า สภาพคล่องยังสูง น่าจะรองรับความผันผวนของกระแสเงินสดได้ ปัจจัยที่สองเป็นเรื่องความยืดหยุ่นในการปรับแผนการลงทุนของปตท.เวลาราคาน้ำมันปรับลดลง หรือมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ การปรับแผนใช้จ่ายการลงทุนช่วยสถานการณ์การเงินได้ดี และปัจจัยสุดท้ายการจัดอันดับเครดิตของประเทศช่วยสนับสนุนอยู่ พิจารณาจากความสัมพันธ์กับผู้ถือหุ้นคือภาครัฐเป็นหลัก "ปัจจัยสนับสนุนต่างๆ น่าจะช่วยเพิ่มเครดิตให้ปตท.อย่างน้อย 1 ขั้น แต่ปัจจุบันเครดิตของปตท.เท่ากับรัฐบาล เราจึงยังไม่มีการปรับ ตราบใดที่เครดิตของปตท.มีการปรับลดลง ปัจจัยหนุนน่าจะเข้ามาทำให้ตัวเครดิตคงที่ ผลกระทบต่อปตท.ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น"นายเลิศชัย กล่าว ภาพรวมของธุรกิจพลังงาน เป็นลบในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เพราะกำลังการผลิตใหม่คอยกดดันส่วนต่างของผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบอยู่แล้ว และคงเกิดต่อเนื่องในปีหน้า ทำให้ภาพรวมของธุรกิจมีแนวโน้มยังเป็นลบ ในส่วนของธุรกิจโทรคมนาคม ฟิทช์ให้แนวโน้มเป็นลบ และเครดิตพินิจเป็นลบเช่นกัน ภาพรวมธุรกิจได้เรทติ้งมีเสถียรภาพ ซึ่งมองประเด็น รายได้ค่าบริการเติบโตในระดับต่ำ แต่มาร์จิ้นหรือกำไรน่าจะดีขึ้น แม้ค่าใช้จ่ายจากการส่งเสริมการใช้การขายน่าจะเพิ่มขึ้น "มาร์จิ้นดีขึ้นนั้นเพราะการจ่ายเงินให้ภาครัฐลดลง จากการเคลื่อนย้ายผู้ใช้ระบบสัมปทานเดิมมาเป็นระบบ 3 จี มีการจ่ายไลเซ่นต่ำลงน่าจะช่วยได้ แผนการลงทุนแม้มีมากขึ้นแต่สถานะการเงินบริษัทอย่างเอไอเอสและดีแทคยังดีอยู่ อัตราส่วนหนี้สินยังต่ำรองรับการลงทุนได้ ภาพรวมเรทติ้งธุรกิจจึงมีเสถียรภาพ แต่แนวโน้มและเครดิตพินิจยังมีแนวโน้มเป็นลบมากขึ้น" ด้านนายวิน พรหมแพทย์ หัวหน้ากลุ่มลงทุน สำนักงานประกันสังคม(สปส.) กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกปีหน้าฟื้นตัวไม่แข็งแกร่ง สหรัฐเป็นตลาดเดียวที่เป็นความหวังคาดว่าจะโต 3-3.5% แต่ลำพังสหรัฐยังไม่ใหญ่พอที่จะช่วยดึงส่วนอื่นของโลกให้ดีขึ้นได้ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่ยังลดลง ทำให้กลุ่มประเทศพึ่งสินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมันพากันเดือดร้อน ทั้งรัสเซีย บราซิลหรือแคนาดา จนค่าเงินอ่อนภายใน 1-2 วัน รัสเซียต้องขึ้นดอกเบี้ย จากกลุ่มประเทศเหล่านี้ที่ต่างก็เดือนร้อน ทำให้คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะแย่ลง ในมุมมองของ วิน เห็นว่า เศรษฐกิจไทยยังดีอยู่ เพราะไทยไม่ได้พึ่งพิงรายได้จากน้ำมันเป็นหลัก อีกทั้งเศรษฐกิจไทยมีภาคเอกชน ภาคการเงินและภาคธนาคารที่แข็งแกร่ง "ปีหน้าเศรษฐกิจไทยน่าจะฟื้นจากฐานที่ต่ำในปีนี้ และน่าจะโต 3.4% ในปีหน้า เพราะเศรษฐกิจได้เปรียบจากราคาน้ำมันลดลง จีดีพีปีนี้เลยน่าจะขึ้นได้ใกล้ 4% โดยจีดีพีน่าจะขยับได้หากมีการเปลี่ยนโครงสร้างประเทศให้ลงทุนมากขึ้นในโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน" นายวิน กล่าว Tags : นายเลิศชัย ก่อเจริญรัตนกุล • น้ำมัน • แก๊สธรรมชาติ • ปตท.