"ธปท." เผยสมาคมแบงก์ เสนอเลื่อนใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ค้ำประกัน เพื่อหารือกับทุกฝ่าย เตรียมเสนอคลังพิจารณา พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 20) พ.ศ.2557 ว่าด้วยการลดภาระของผู้ค้ำประกัน ที่ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาไปเมื่อเร็วๆ นี้ และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 11 ก.พ.2558 สร้างความกังวลใจให้กับ สถาบันการเงิน โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับผลกระทบจากกฎหมายฉบับดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลต่อแนวโน้มการพิจารณาสินเชื่อของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ที่มักต้องใช้กลไกการค้ำประกันเข้ามาช่วยเพื่อขออนุมัติสินเชื่อ จึงเป็นที่มาซึ่งทำให้สมาคมธนาคารไทยต้องประชุมเพื่อเสนอแนวทางแก้ไขกฎหมายในบางข้อเพิ่มเติม นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้รับหนังสือจากสมาคมธนาคารไทย ที่เสนอให้มีการปรับเงื่อนไขบางอย่างใน พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ) แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 20) พ.ศ.2557 ว่าด้วยการลดภาระของผู้ค้ำประกัน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่พิจารณาในรายละเอียดอยู่ หลังจากนั้นจะส่งต่อไปยัง นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้พิจารณาต่อไป สำหรับหนึ่งในข้อเสนอที่สมาคมธนาคารไทยส่งมานั้น ได้ขอให้เลื่อนการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ออกไปก่อน เนื่องจากจะมีผลบังคับใช้ในเดือนก.พ.นี้แล้ว ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นข้อเสนอที่ค่อนข้างดีและน่าจะทำได้ เพื่อที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะได้มีเวลาพิจารณารายละเอียดและถกเถียงถึงกรณีปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น "ผมเห็นหนังสือจากสมาคมธนาคารไทยแล้ว และได้ส่งให้เจ้าหน้าที่ไปดูแล้วเช่นกัน คิดว่าไม่นานเราคงมีความเห็นส่งต่อไปยังท่าน รมว.คลัง โดยข้อเสนอที่เขาส่งมา ก็ดูมีเหตุผล และไม่ได้เสนอให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมอะไรมากนัก และก็มีคนแนะนำมาว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย จึงเสนอว่า ควรเลื่อนการบังคับใช้ออกไปก่อน เพื่อจะได้มีเวลาถกเถียงกันอย่างรอบคอบ และจะได้แก้ไขไปในคราวเดียวเลย ซึ่งก็เป็นข้อเสนอที่ดี" นายประสาร กล่าว นายประสาร กล่าวว่า การเลื่อนบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวน่าจะทำได้ ไม่น่าจะติดปัญหาอะไร เพราะโดยปกติแล้ว ในบรรทัดสุดท้ายของตัวกฎหมาย จะกำหนดเวลาบังคับใช้ว่าภายในเมื่อไหร่ หรือเริ่มใช้อีกกี่วันหลังกฎหมายประกาศออกมา เพียงแต่เราไปขอแก้รายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนนี้ ก็ไม่น่าจะมีปัญหา นอกจากนี้ การเลื่อนเวลาบังคับใช้ออกไป แล้วได้หารือร่วมกันกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสมาคมธนาคารไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง ธปท. รวมไปถึงหน่วยงานที่ทำหน้าที่ค้ำประกันทั้งภาครัฐและเอกชน ได้มาหารือร่วมกัน น่าจะเป็นเรื่องที่ดี "ตอนนี้มีคนพร้อมจะช่วยอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกฤษฎีกา กระทรวงการคลัง หรือแม้แต่แบงก์ชาติเองก็พร้อมที่จะช่วยเหลือ ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลอะไรมากมาย น่าจะพอคุยกันได้"นายประสารกล่าว ก่อนหน้านี้ นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า การปรับแก้ในบางประเด็นของพ.ร.บ.ค้ำประกัน มี 2 หัวข้อหลัก ได้แก่ การปรับโครงสร้างหนี้ของลูกค้า ในกรณีที่ไม่สามารถผ่อนชำระหนี้ต่อไปได้ ให้สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องขอความยินยอมจากผู้ค้ำ เพื่อไม่ให้การปรับโครงสร้างหนี้ต้องสะดุด ส่วนหัวข้อที่สอง คือ กรณีที่ลูกหนี้และผู้ค้ำยินยอมให้ธนาคารขายทอดหลักประกันได้ จะต้องเขียนให้ชัดเจนว่า ธนาคารจะต้องดำเนินการขายหลักประกันผ่านกรมบังคับคดี เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย Tags : ประสาร ไตรรัตน์วรกุล • ธปท. • พรบ.ค้ำประกัน • สมาคมแบงก์