ผู้จัดการเอ็มเอไอ รับปีหน้าปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า โดยเฉพาะครึ่งปีหลัง เร่งนำบริษัทจดทะเบียนให้ทันครึ่งปีแรก นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ เปิดเผยว่า ความเสี่ยงของตลาดหุ้นเอ็มเอไอในปี 2558 มีมากขึ้น โดยเฉพาะปัจจัยที่อาจไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้ทางตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ต้องเร่งนำบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ หรือ ไอพีโอ เข้าจดทะเบียนในครึ่งปีแรกให้มากที่สุด หรือย่างช้าที่สุดจะเร่งเอาเข้าจดทะเบียนให้ได้ในช่วงไตรมาส 3 จากเดิมที่จะเข้าจดทะเบียนอย่างหนาแน่นในไตรมาส 4 โดยในปีหน้าเอ็มเอไอมีเป้าหมายหุ้นไอพีโอ 22 บริษัท โดยคาดว่าจะมีมาร์เก็ตแคปหุ้นไอพีโอที่ระดับ 13,300 ล้านบาท "ความท้าทายในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนคือตอนนี้ มีบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนปีหน้า 7 บริษัท เราต้องหาบริษัทเพิ่มอีก 15 บริษัท ซึ่งมองแม้ทิศทางดอกเบี้ยนโยบายจะปรับตัวลดลงในช่วงสิ้นปีนี้ ทำให้บางบริษัทอาจเลือกช่องทางการกู้เงิน แต่บริษัทที่จะเข้าระดมทุนต้องการปรับเปลี่ยนโครงสร้างบริษัท จึงไม่น่าจะได้รับผลกระทบ" นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า ทิศทางการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในอนาคต จะมีบริษัทขนาดใหญ่เขาระดมทุนมากขึ้น เนื่องจากเอ็มเอไอ มีหลักเกณฑ์ที่เอื้ออำนวยกับการระดมทุนมากกว่าตลาดหลักทรัพย์ อีกทั้งบริษัทสามารถใช้ช่องทางหลักเกณฑ์มาร์เก็ตแคปได้ แต่บริษัทขนาดใหญ่จะเข้าจดทะเบียนปีหน้า จะเห็นในช่วงปี 2559 เนื่องจากเลือกที่จะรอดูผลการตอบรับของบริษัทที่เข้าตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวปีนี้ก่อน "ปีหน้าปัจจัยเสี่ยงตลาดเอ็มเอไอมีหลายด้าน ทั้งระดับราคาปิดกำไรต่อหุ้นที่ 71.14 เท่า โดยยอมรับว่า ส่วนหนึ่งมาจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของบางบริษัทมีขนาดใหญ่ และมีระดับพีอีสูง ดึงให้พีอีของตลาดหุ้นเอ็มเอไอสูงกว่าปกติ ปัจจุบันมีหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท 5 บริษัท ส่วนข้อสังเกตที่ว่า บางบริษัทกินสัดส่วนมาร์เก็ตแคปของเอ็มเอไอมากกว่า 20% ส่งผลต่อความผันผวนของดัชนี ตลาดหลักทรัพย์ได้ทดสอบนำบริษัทดังกล่าว ออกมาจากการคำนวณดัชนี พบว่าหุ้นดังกล่าวไม่มีส่วนในการผันผวนของดัชนี"นายประพันธ์ กล่าว นอกจากนี้ ปี 2558 จะปรับกฎเกณฑ์มาตรการคุมหุ้นที่มีความร้อนแรงเข้ามาบังคับใช้ จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นเอ็มเอไอ จากเดิมที่จะมีหุ้นติดแคชบาลานซ์ได้สัปดาห์ละ 5 หลักทรัพย์ เป็นไม่จำกัดจำนวน หากหุ้นในกลุ่มดังกล่าว มีมูลค่าการซื้อขายผิดปกติ ก็พร้อมจะถูกให้ซื้อขายด้วยเงินสดทันที ทำให้มีความเสี่ยงจะมีหุ้นติดหลักเกณฑ์แคชบาลานซ์มากกว่าครึ่งของตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ปัจจุบันมีบริษัทที่มีผลการดำเนินงานขาดทุน 29 บริษัท และบริษัทที่มีระดับพีอีสูงกว่า 40 เท่าอีก 28 บริษัท รวม 2 กลุ่มรวมกันมีบริษัทที่เข้าเกณฑ์แคชบาลานซ์ 57 บริษัท จากจำนวนบริษัทจดทะเบียนทั้งสิ้น 109 บริษัท "หุ้นที่มีระดับพีอีสูง ไม่ได้แปลว่าจะเป็นหุ้นที่แย่เสมอไป เพราะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นเอ็มเอไอ มีการเติบโตที่สูงมากกว่าปกติ ดังนั้นนักลงทุนควรใช้ความรอบคอบในการลงทุน เลือกลงทุนในหุ้นที่มีการเติบโตที่ดี" นอกจากนี้ตลาดหลักทรัพย์ จะแบ่งกลุ่มอุตสาหกรรม 8 กลุ่ม ในต้นปี 2558 เพื่อให้นักลงทุนสามารถเปรียบเทียบความถูกแพงได้ง่ายขึ้น โดยแนวทางการดำเนินงานในปี 2558 ตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอจะดึงนักลงทุนสถาบันเข้ามาลงทุนมากขึ้น โดยจะจัดโรดโชว์ตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอในประเทศ โดยเชิญนักลงทุนต่างชาติเข้ามาร่วมงาน รวมถึงเข้าพูดคุยกับนักลงทุนสถาบันในประเทศเพื่อให้จัดตั้งกองทุนเพื่อลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอในอนาคต โดยอาจใช้วิธีการเพิ่มทุนในบริษัทที่นักลงทุนสถาบันให้ความสนใจ ภาวะตลาดหุ้นเอ็มเอไอ ที่ดัชนีปรับตัวลดลงนั้น เป็นไปตามภาวะตลาดหุ้นทั่วโลก ที่การเทขายหุ้นในกลุ่มพลังงานอย่างต่อเนื่อง แม้ตลาดหุ้นเอ็มเอไอมีระดับพีอีที่สูง แต่เมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์ ที่มีการปรับตัวลดลงน้อยกว่า ทั้งนี้ตลาดหุ้นเอ็มเอไอไม่ได้มีมาตรการเพื่อดูแลหากตลาดหุ้นปรับตัวลดลงแรง แต่จะอ้างอิงจากตลาดหลักทรัพย์เป็นหลัก ส่วนความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นเอ็มเอไอตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 12 ธ.ค. พบว่า ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 720.19 จุด หรือเพิ่มขึ้น 101.85% มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด อยู่ที่ 386,647 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 117.99% มูลค่าการซื้อขายต่อวันเฉลี่ยอยู่ที่ 3,812 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68.74% โดยปีนี้คาดจะมี 20 บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มูลค่าการระดมทุน 9,916 ล้านบาท มูลค่ามาร์เก็ตแคปหุ้นไอพีโออยู่ที่ 40,834 ล้านบาท Tags : ประพันธ์ เจริญประวัติ • ตลาดหุ้น • เอ็มเอไอ • ปัจจัยเสี่ยง