สมาคมเตรียมยื่นเสนอ"ธปท." แก้ไขพ.ร.บ.ค้ำประกันในสัปดาห์นี้ ชี้ราคาน้ำมันสะท้อนการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 20) พ.ศ.2557 ว่าด้วยการลดภาระของผู้ค้ำประกัน ที่ได้ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาไปแล้วเมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา และมีผลบังคับใช้ในเดือนก.พ.2558 ได้สร้างความกังวลให้กับผู้บริหารของธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากสาระสำคัญของกฎหมายหลายประการได้ถูกแก้ไข ทำให้คนค้ำประกันมีส่วนในการรับผิดชอบน้อยลง ขณะที่เจ้าหนี้ คือ ธนาคารพาณิชย์ กลับต้องระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อที่มากขึ้น จากกระแสความกังวลดังกล่าว นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จึงได้ให้ธนาคารพาณิชย์ ไปรวบรวมข้อมูลผลกระทบและปัญหาต่างๆ เข้ามา ล่าสุดวานนี้ (15 ธ.ค.) นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ภายในสัปดาห์นี้สมาคมธนาคารไทยจะยื่นข้อเสนอให้กับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการปรับแก้ในบางประเด็นของพ.ร.บ.ค้ำประกัน โดยมี 2 หัวข้อหลัก ได้แก่ การปรับโครงสร้างหนี้ของลูกค้า ในกรณีที่ไม่สามารถผ่อนชำระหนี้ต่อไปได้ ให้สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องขอความยินยอมจากผู้ค้ำ เพื่อไม่ให้การปรับโครงสร้างหนี้ต้องสะดุด ส่วนหัวข้อที่สอง คือ กรณีที่ลูกหนี้และผู้ค้ำยินยอมให้ธนาคารขายทอดหลักประกันได้ จะต้องเขียนให้ชัดเจนว่าธนาคารจะต้องดำเนินการขายหลักประกันผ่านกรมบังคับคดี เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย นายประสาร กล่าวก่อนหน้านี้ว่า หลังจากได้รับข้อมูลปัญหาผลกระทบจากธนาคารพาณิชย์แล้ว ธปท. อาจนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือกับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และนายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อีกรอบ ขณะนี้ทั้ง 2 ท่านได้รับทราบถึงปัญหาพร้อมทั้งได้มีการพูดคุยหารือกันเบื้องต้นแล้ว "ธนาคารพาณิชย์กำลังรวบรวมประเมินผลกระทบของตัวเอง แต่ทางรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีคลัง ท่านก็มีข้อมูลของท่านอยู่ เราจะทำหน้าที่ของเรา เพราะตอนที่กฎหมายเสนอผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เราไม่ได้มีส่วนร่วม หรือให้ความเห็นในข้อมูลที่เกี่ยวข้อง" นอกจากนี้ นายบุญทักษ์ ยังกล่าวถึงราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงแรงในช่วงนี้สะท้อนภาพเศรษฐกิจที่แท้จริงของเศรษฐกิจโลก ที่ยังชะลอตัวอยู่ ความต้องการน้ำมันยังไม่มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น และเศรษฐกิจโลกยังเปราะบางมาก เป็นความท้าทายในระยะต่อไปว่าประเทศไทย จะสามารถเผชิญภาวะนี้ไปได้อย่างไร "โดยส่วนตัวยังเชื่อว่า ผู้ประกอบการไทยยังมีความสามารถในการแข่งขัน และการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จะสร้างความได้เปรียบให้กับประเทศไทย โดยมองว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะอยู่ที่ระดับ 3-4%"นายบุญทักษ์ กล่าว ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงมามากในขณะที่เศรษฐกิจโลกยังเติบโตได้ช้า จะส่งผลให้แรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อปรับลดลง จึงมองว่ามีโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับลดลงเพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยมองว่ามีความเป็นไปได้ที่จะปรับลดดอกเบี้ยประมาณ 0.25% แต่ในส่วนของธนาคารพาณิชย์ที่จะตอบสนองนโยบายการเงินด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามนั้นอาจจะยังไม่สามารถทำได้รวดเร็วนักเนื่องจากสภาพคล่องในระบบขณะนี้ยังมีอยู่สูง นอกจากนี้ นายบุญทักษ์ ยังกล่าวอีกว่า ในช่วงที่สหรัฐจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้ความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยนจะมากขึ้น ในช่วงที่มีการคาดการณ์ทิศทางดอกเบี้ย จนกว่าดอกเบี้ยจะขึ้นไปแล้ว ดังนั้นผู้ประกอบการควรบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน แต่ในระยะยาวมีแนวโน้มที่สภาพคล่องจะปรับลดลง ผู้ประกอบการจึงควรกู้เงินระยะยาวเอาไว้ เพื่อให้มีสภาพคล่องเพียงพอ นายบุญทักษ์ กล่าวด้วยว่า ในปีหน้าสมาคมธนาคารไทย จะผลักดันแผนแม่บทการพัฒนาระบบการชำระเงิน ให้มีประสิทธิภาพและเป็นสากลมากขึ้น โดยขณะนี้สมาคมได้มีหน่วยงาน Payment System Office ขึ้นมาเพื่อดูแลแผนแม่บทดังกล่าวให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม รวมถึงการเปลี่ยนระบบเอทีเอ็มไปสู่ระบบชิพการ์ดให้ทันในปี 2559 เพื่อความปลอดภัยในการทำธุรกรรม ขณะเดียวกันจะผลักดันเรื่องวินัยทางการเงิน และการวางแผนการออมให้กับประชาชนรายย่อยมากขึ้น นอกจากนี้ทางสมาคมธนาคารไทยในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง ได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมรายการถอนเงินสดข้ามเขตผ่านเครื่องถอนเงินสดอัตโนมัติ (ATM) ของธนาคารเจ้าของบัตร และยกเว้นค่าธรรมเนียมรายการฝากเงินสดข้ามเขตภายในธนาคารเดียวกัน ผ่านเครื่องรับฝากเงินอัตโนมัติ (CDM) โดยมีระยะเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. 2557 จนถึง 4 ม.ค. 2558 เวลา 23.00 น. นอกจากนี้ธนาคารสมาชิกจะได้เตรียมเงินสดตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ทั่วประเทศให้เพียงพอด้วย Tags : บุญทักษ์ หวังเจริญ • สมาคมธนาคารไทย • ประสาร ไตรรัตน์วรกุล • พ.ร.บ.ค้ำประกัน • ราคาน้ำมัน