"คลัง" เสนอครม.อนุมัติ ปรับแก้ประมวลกฎหมายสรรพสามิต หวังกำหนดให้การจัดเก็บภาษีสินค้าอยู่บนฐานราคาขายปลีก แนะนำช่วงสุดท้ายทั้งหมด ด้าน "อธิบดีสรรพสามิต" ชี้สร้างความเป็นธรรมจากการค้าขายเสรี หลังไทยเข้าสู่เออีซี ปลายปี 58 ระบุ ปัจจุบันฐานราคาสินค้านำเข้าสำแดงต่ำกว่าราคาสินค้าในประเทศถึง 20% แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 16 ธ.ค.นี้ กระทรวงการคลัง จะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาอนุมัติการปรับแก้ร่างประมวลกฎหมายภาษีสรรพสามิต ซึ่งจะเป็นการปรับจากกฎหมายสรรพสามิตจำนวน 7 ฉบับ ให้เหลือเพียงฉบับเดียว เพื่อให้เป็นมาตรฐานสากล ง่ายต่อการจัดเก็บภาษี และเป็นธรรมต่อผู้เสียภาษีสรรพสามิต ทั้งนี้ สาระสำคัญของการปรับแก้ประมวลกฎหมายสรรพสามิตดังกล่าว คือ เพื่อให้การจัดเก็บภาษีสรรพสามิต สำหรับสินค้าที่ผลิตในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศอยู่บนฐานราคาเดียวกัน โดยกำหนดให้ใช้ฐาน "ราคาขายปลีกแนะนำช่วงสุดท้าย" ที่ผู้ผลิตกำหนดเป็นฐานราคาในการจัดเก็บภาษี นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า หัวใจสำคัญของการปรับแก้กฎหมาย เพื่อกำหนดแนวทางจัดเก็บภาษีสรรพสามิตดังกล่าว ก็เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน (เออีซี) ของไทยในปลายปี 2558 ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น การค้าขายและการลงทุนจะเปิดเสรี เมื่อเปิดเสรีแล้ว สินค้าระหว่างประเทศสมาชิกจะไหลเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งรวมถึงไทย ดังนั้นการจัดเก็บภาษีสินค้าจะต้องมีความเป็นธรรมกับผู้ผลิตในประเทศ ทั้งนี้ เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา กรมสรรพสามิตได้เข้าร่วมประชุมกับสรรพสามิตในกลุ่มสมาชิกประเทศอาเซียน เพื่อหารือเกี่ยวกับการเข้าสู่เออีซี ซึ่งเป็นการจัดประชุมอย่างต่อเนื่อง โดยแยกหัวข้อการประชุมเป็นรายสินค้า ซึ่งปีที่ผ่านมา ได้หารือเกี่ยวกับสินค้าบุหรี่และยาสูบ ส่วนปีนี้ได้จัดเกี่ยวกับสินค้ารถยนต์ โดยได้เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์เข้าร่วมประชุมได้ "รอบนี้ เราประชุมเรื่องสินค้ารถยนต์ ก็จัดให้มีผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรถยนต์มาร่วมให้ข้อมูล ซึ่งเราก็จัดเตรียมว่า เมื่อรวมเป็นเอเอชีแล้ว ผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้นเป็น 500-600 ล้านคน และเห็นว่าแม้ภาษีสรรพสามิตเป็นเรื่องภายในของแต่ละประเทศ แต่การรวมตัวเป็นเออีซี การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตก็ควรจะไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเรื่องนี้ เราก็ได้ร่วมลงนามเอ็มโอยูระหว่างกัน" นายสมชาย กล่าว นายสมชาย กล่าวต่อว่า หากมองในพิกัดสินค้าสรรพสามิตหรืออัตราการจัดเก็บของแต่ละประเทศนั้น ก็ยังมีความแตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม ในหลายประเทศก็มองไทยเป็นตัวอย่างของการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต รวมถึงการปรับแก้กฎหมายให้มีการจัดเก็บภาษีบนฐานราคาขายปลีกแนะนำ เพราะเห็นว่า เป็นแนวทางที่เหมาะสม และหลายประเทศที่พัฒนาแล้วก็ได้นำมาใช้ "ถ้าเราสามารถผลักดันให้การปรับแก้ประมวลกฎหมาย เพื่อให้การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสามารถทำได้บนราคาขายปลีกแนะนำ ปัญหาเรื่องการสำแดงราคานำเข้าต่ำก็น่าจะหมดไป โดยที่เราไม่ทำผิดกฎของแกตต์ และจะสามารถรองรับการค้าขายที่จะเปิดเสรีตามการรวมตัวเป็นเออีซีได้" นายสมชาย กล่าว ปัจจุบันการสำแดงราคาสินค้านำเข้า เพื่อเสียภาษีของผู้ประกอบการนำเข้านั้น จะมีความแตกต่างด้านราคาสำหรับสินค้าประเภทเดียวกันจากผู้ผลิตในประเทศประมาณ 10-20% ซึ่งจะส่งผลต่อการจัดเก็บภาษีและความสามารถในการแข่งขันของผู้ผลิตในประเทศ Tags : กระทรวงการคลัง • สรรพสามิต • ครม. • เก็บภาษี