คาด"ทอง"ขาลง3-5ปี"ดบ-ค่าเงิน"ฉุดราคา ลุ้นไตรมาสแรกทองอาจขยับ หลังเทศกาลดันความต้องการใช้เพิ่ม วงการค้าทองคำชี้แนวโน้มปีหน้ายังเป็นขาลง ต่ำสุดแตะ 1.68 หมื่นบาท ผลจากเงินดอลลาร์แข็งค่า แถมเฟดยังมีนโยบายขึ้นดอกเบี้ยกลางปี 58 เผยราคาปรับขึ้นช่วงนี้แค่ชั่วคราว แนะนักลงทุนเทรดทำกำไรระยะสั้น เพราะหากรอขาขึ้นต้องใช้เวลาถึง 3-5 ปี วานนี้ (14 ธ.ค.) สมาคมค้าทองคำ ร่วมกับศูนย์วิจัยทองคำ จัดสัมมนาเรื่อง "เศรษฐกิจโลก -ลงทุนทองปี 58 ฟื้นแน่หรือแย่ต่อ" โดยผู้ประกอบการในธุรกิจค้าทองคำ ส่วนใหญ่มีความเห็นว่า ราคาทองคำตลาดโลกมีแนวโน้มปรับลดลงต่อจากปีนี้ จากนโยบายการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาทองคำในปีหน้า ยังมีโอกาสปรับลดลงต่อ จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ บวกกับนักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดทองคำ ยังติดการลงทุนเดิมที่ซื้อไว้ในราคาสูง ทำให้ไม่มีเม็ดเงินลงทุนใหม่เข้ามา โดยมองกรอบราคาตลาดโลกไว้ที่ 1,100 -1,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และมีโอกาสที่จะหลุดระดับ 1,100 ดอลลาร์ฯต่อออนซ์ได้ แต่หากเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัว และปรับขึ้นดอกเบี้ย จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ค่าเงินบาทอ่อนลง ซึ่งก็จะช่วยให้ราคาในประเทศปรับลดลงไม่มากเท่าราคาในตลาดโลก สำหรับราคาทองคำปี 57 ปรับลดลงต่ำสุด 1,130 ดอลลาร์ฯต่อออนซ์ ซึ่งต่ำกว่าระดับที่คาดการณ์ไว้ 50 ดอลลาร์ฯต่อออนซ์ ทำให้ตลาดค้าทองคำ และตลาดล่วงหน้า(ฟิวเจอร์ส) ซบเซา หรือปรับลดลง 40-60% เห็นได้จากปริมาณการนำเข้าทองคำในปีนี้ที่อยู่ระดับ 150 ตัน ขณะที่ในช่วง 3-4 ปีก่อน มีปริมาณเฉลี่ยนำเข้าอยู่ที่ 320 ตัน ราคาทองขาขึ้นรออีก 5 ปี นายจิตติ บอกว่า ราคาทองคำที่ปรับขึ้นมาในช่วงนี้ มองว่า เป็นสถานการณ์ชั่วคราว จากความต้องการใช้ทองที่เพิ่มขึ้น ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ปีใหม่ และตรุษจีน แต่ปี 58 ยังคงเป็นขาลง ฉะนั้นแนะนำให้ลงทุนระยะสั้น มีเป้าหมายทั้งขาทำกำไร และขาดทุน ใครที่ติดราคาสูง ต้องยอมขายขาดทุน นำเงินมาลงทุนใหม่ดีกว่า เพราะหากหวังให้ราคากลับไปสูงเหมือนเดิม หรือราคายืนเกินระดับ 2 หมื่นบาทต่อบาททอง ในช่วง 5 ปีอาจยังมองไม่เห็น อย่างไรก็ตาม หากราคาทองคำในปีหน้าปรับลดลงแรง ต่ำกว่าระดับ 1,100 ดอลลาร์ฯต่อออนซ์ จะทำให้เหมืองทองทั่วโลกขาดทุน จนนำมาสู่การปิดเหมือง ทำให้ปริมาณทองคำออกสู่ตลาดน้อยลง เป็นปัจจัยที่ดึงให้ราคาทองคำในตลาดโลกปรับขึ้นได้ แนะลงทุนทองบริหารความเสี่ยง นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยว่า ปีหน้าราคาทองคำตลาดโลกจะปรับลดลง จากแรงกดดันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และการปรับขึ้นดอกเบี้ยหลังเศรษฐกิจฟื้น แต่ก็เป็นโอกาสในการซื้อสะสม เนื่องจากขณะนี้หลายประเทศมีความเสี่ยงเรื่องหนี้ที่เพิ่มขึ้น ความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤติการเงินก็มีมากขึ้น ซึ่งทุกครั้งที่เกิดวิกฤติ ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นแรง ฉะนั้นสามารถใช้ทองคำเป็นสินทรัพย์ในการบริหารความเสี่ยงได้ “ ราคาทองคำอาจจะใช้เวลานานกว่า 3-5 ปี ถึงจะฟื้นตัวและเข้าสู่ช่วงขาขึ้น ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ อาจจะต้องมีวิกฤติเศรษฐกิจย่อมๆ อย่างไรก็ตามมองกรอบราคาปีหน้าระดับ 1,050 -1,450 ดอลลาร์ฯต่อออนซ์ ส่วนราคาในประเทศ 1.68 -2.15 หมื่นบาทต่อบาททอง” "สวิส-จีน" เก็บทองเพิ่มดันราคาระยะยาว นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์แนชั่นแนล เปิดเผยว่า แม้แนวโน้มราคาทองคำปีหน้าจะปรับลดลง แต่ก็ยังมีปัจจัยบวกที่จะส่งผลดีต่อราคาทองคำในระยะยาว โดยเฉพาะนโยบายการเพิ่มการเก็บสำรองทองคำ ของธนาคารกลางในสวิตเซอร์แลนด์ จาก 10% เป็น 20% ขณะที่ประเทศจีนก็ต้องเพิ่มสำรองทองคำเช่นเดียวกัน หากต้องการผลักดันให้เงินหยวนมีบทบาทเป็นสกุลเงินหลักของโลก “ไตรมาสแรกของปีหน้าน่าจะเป็นช่วงที่ราคาทองคำปรับขึ้นได้ และเป็นระดับสูงสุดของปี จากความต้องการใช้ทองคำในช่วงเทศกาล ประกอบกับในช่วงไตรมาส 2 ของปีจะเริ่มเห็นทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ” Tags : ทองคำ • ขาลง • เศรษฐกิจโลก