ผู้ถือหุ้น "โนเบิล" จี้ตลาดเปิดเผยคำสั่งศาล กรณีขอคุ้มครองชั่วคราว ห้าม "โนเบิล" ขายหุ้นเพิ่มทุน นายสุวัฒน์ พฤกษ์เสถียร ผู้ถือหุ้นรายย่อยของบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE เปิดเผยว่า ต้องการให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยคำสั่งของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ซึ่งมีคำสั่งออกมาตั้งแต่วันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา ในกรณีที่บริษัท เอบีเอ็น แอมโร นอมินีส์ สิงคโปร์ จำกัด และพวกรวม 6 คน เป็นโจทก์ยื่นขอคุ้มครองชั่วคราวในกรณีที่ได้ยื่นฟ้อง บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กับพวกรวม 9 คน จนกว่าคดีจะถึงที่สุด ทั้งนี้ ศาลแพ่งกรุงเทพใต้มีคำสั่งห้ามบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 200 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นกว่า 40% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด ตามมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2557 และห้ามตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รับหุ้นเพิ่มทุนตามมติดังกล่าวเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนไว้ชั่วคราวจนกว่าคดีจะถือที่สุดไว้ หรือมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น โดยศาลแพ่งกรุงเทพใต้ได้ให้ความเห็นว่า การที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) มีมติเพิ่มทุนจดทะเบียนโดยการออกหุ้นใหม่จำนวน 200 ล้านหุ้น ย่อมทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท โนเบิล เปลี่ยนแปลง อันอาจกระทบต่อการใช้สิทธิในฐานะผู้ถือหุ้นบางประการ และยังทำให้หุ้นที่เพิ่มทุนเข้ามามีส่วนเฉลี่ยในกำไรสะสมของบริษัท และยังมีผลทำให้เกิดผลกระทบจากการลดมูลค่าราคาหุ้น นอกจากนี้ กรณีที่ว่าหากบริษัทไม่สามารถเพิ่มทุนได้ตามมติจะก่อให้เกิดความเสียหายและเสียโอกาสในการลงทุนเพิ่มเติม แต่อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนของบริษัทอยู่ที่ 1.75 เท่า ซึ่งเป็นอัตราเฉลี่ยของธุรกิจประเภทนี้ ยังไม่ถือว่าอยู่ในขั้นมีปัญหา และยังไม่ถือว่าเป็นสถานะที่เร่งด่วนที่ต้องทำการเพิ่มทุน ขณะที่นายเทพชล โกศล ซึ่งเป็นพยานจำเลย กล่าวว่าการเพิ่มทุนโดยปกติใช้เวลาประมาณ 6 สัปดาห์ ดังนี้จึงถือได้ว่าบริษัทยังพอมีช่องทางเยียวยาได้อยู่ นายสุวัฒน์ กล่าวต่อว่า ในขณะนี้มีกลุ่มผู้ถือหุ้นบางส่วนทราบข้อมูลดังกล่าวแล้ว แต่หากตลาดหลักทรัพย์ไม่เปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ออกสู่สาธารณชน หากผู้ถือหุ้นบางส่วนนั้นซื้อขายหุ้นของโนเบิล อาจจะถูกกล่าวหาได้ว่าใช้ข้อมูลภายใน หรือ อินไซด์เดอร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย “ในขณะนี้รู้สึกเหมือนตัวเองถอยหลังไปหลายปี และคิดไม่ถึงว่ากติกาที่มีอยู่ยังไม่เข้มแข็งพอที่จะคุ้มครองนักลงทุน และทำให้นักลงทุนไม่สามารถทราบข้อมูลโดยเท่าเทียมกัน จึงอยากจะให้การเปิดเผยข้อมูลในครั้งนี้ช่วยให้นักลงทุนได้รับความเท่าเทียมในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร” นายสุวัฒน์ กล่าว อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวมีแผนที่จะเสนอวาระการประชุมครั้งหน้าให้เพิกถอนมติการเพิ่มทุนในครั้งก่อน ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการทบทวนและปรึกษากับผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ ที่ไม่เห็นด้วยกับมติการเพิ่มทุนในครั้งก่อน “หากบริษัท โนเบิล ขอเพิกถอนมติเดิม และดำเนินการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นใหม่ เพื่อขอมติเพิ่มทุนอย่างถูกต้องตามกฎระเบียบ ผมก็พร้อมที่จะพิจารณาเพื่อถอนการฟ้องร้องคดี แต่หากเป็นการดำเนินการโดยไม่ได้สมัครใจและสำนึกผิด ก็อยากให้ผู้ที่กระทำผิดได้รับบทเรียนในสิ่งที่ทำลงไป และจะได้เป็นแนวทางให้กับบริษัทอื่นๆ เพราะหลังจากที่เกิดกรณีของบริษัท โนเบิล ก็มีบริษัทอื่นๆ ในตลาดหลักทรัพย์เริ่มทำผิดแบบเดียวกันนี้” นายสุวัฒน์ กล่าว ภายหลังจากศาลมีคำสั่งให้คุ้มครองชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา เขาได้ทำหนังสือไปยังตลาดหลักทรัพย์ 2 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดคือวันที่ 3 ธ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อสอบถามถึงเหตุผลที่ไม่มีการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวให้นักลงทุนทราบทั่วกัน ได้ความว่าเป็นเพราะตลาดยังไม่ได้รับคำสั่งจากศาลแพ่งกรุงเทพใต้ หลังจากนั้นเขาได้ติดต่อไปยังศาลแพ่งกรุงเทพใต้ให้ส่งเอกสารคำสั่งไปยังตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามทางตลาดหลักทรัพย์ก็ยังคงไม่มีการเผยแพร่เอกสารคำสั่งแต่อย่างใด แหล่งข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า กรณีดังกล่าวตลาดหลักทรัพย์ไม่จำเป็นต้องให้โนเบิลเปิดเผยข้อมูล เพราะศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวอยู่แล้ว และทางโนเบิลเองก็ไม่ได้ดำเนินการใดๆ ที่เป็นการขัดต่อคำสั่งของศาล Tags : สุวัฒน์ พฤกษ์เสถียร • โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ • ตลาดหุ้น • หุ้นเพิ่มทุน • คำสั่งศาล