แห่ "ชอร์ตหุ้น" กลุ่มพลังงาน เผย ปตท.ชอร์ตกว่า 370 ล้านบาท โบรกฯ ชี้สัญญาณ "ยืมหุ้นขาย" เริ่มหนัก รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 8 - 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา พบว่า มีธุรกรรมการยืมหุ้นมาขาย(ชอร์ตเซล) ในหุ้นกลุ่มพลังงานอย่างหนาแน่น โดยในส่วนหุ้น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีการขายชอร์ตมากสุด 1,093,400 หุ้น คิดเป็นมูลค่าการขายชอร์ต 374,523,000 บาท คิดเป็น 3.2% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. มีปริมาณชอร์ตหุ้น 2,314,400 หุ้น มูลค่าการขายชอร์ต 268,975,300 บาท คิดเป็น 4.99% ของมูลค่าการซื้อขาย บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ พีทีที จีซี มีปริมาณการขายหุ้น 1,256,100 หุ้น มูลค่า 68,866,350 บาท คิดเป็น 1.33% และ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) มีธุรกรรมขายชอร์ตจำนวน 450,300 หุ้น มูลค่าการขายชอร์ต 19,992,500 บาท คิดเป็น 1.44% สำหรับการเคลื่อนไหวราคาหุ้นกลุ่มปตท. ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (8-12 ธ.ค.) ปรับตัวลดลง โดยราคาหุ้นปตท. ปรับลดลง 10.8%จากราคา 370 บาท ลดลง 330 บาท หุ้นปตท.สผ. ลดลง13.79% จากราคา 130.50 บาท เหลือ 112.50 บาท หุ้นพีทีทีจีซี ลดลง 12.08% จากราคา 60 บาทเหลือ 52.75 บาท และหุ้นไทยออลย์ ลดลง 1.69% จากราคา 44.25 บาทเหลือ 43.50 บาท นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาราคาน้ำมันในตลาดโลกผันผวนหนัก ได้เห็นสัญญาณนักลงทุนต่างชาติทำธุรกรรมขายชอร์ตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มพลังงาน ก่อนที่จะมีการเทขายหุ้นพลังงาน โดยเฉพาะในกลุ่ม ปตท.อย่างหนักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลงไปค่อนข้างมาก "สัญญาณการถือสถานะชอร์ตเริ่มเห็นตั้งแต่ช่วงที่ราคาน้ำมันผันผวนอย่างมาก และปรับตัวลดลงแรง และมีสัญญาณชัดเจนในช่วงวันจันทร์ที่ 8 ธ.ค.2557 ซึ่งนักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นที่เกี่ยวข้องกับพลังงานอย่างหนัก ฉุดให้หุ้นในกลุ่มอื่นๆ ปรับตัวลดลงไปด้วย กดดันดัชนีให้ปรับตัวลดลงแรง" ระยะถัดไปมองว่า พฤติกรรมของนักลงทุนต่างชาติจะยังมีลักษณะการขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง หากราคาน้ำมันยังคงผันผวนต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติ มีกำไรค่อนข้างมาก จากการเข้าซื้อสะสมหุ้นในช่วงต้นปีและกลางปี ทำให้พวกเขามีต้นทุนที่ต่ำ และรอจังหวะการขายหุ้น เมื่อเกิดภาวการณ์ผันผวนในราคาน้ำมัน และปัจจัยในประเทศของไทยเข้ามากระทบ ทำให้ซบโอกาสในการขายทำกำไร และการปรับพอร์ตการลงทุนใหม่ ทั้งนี้ หากคาดหวังกับนักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นในระยะเวลาอันใกล้ เป็นเรื่องที่ยาก เพราะภาพของเศรษฐกิจไทยยังไม่เข้มแข็ง ดัชนียังอยู่ในระดับที่สูง อีกทั้งเป็นช่วงวันหยุดยาวของนักลงทุนต่างชาติ แต่ในระยะยาวตลาดหุ้นไทยยังมีภาพที่น่าสนใจในการลงทุน โดยเฉพาะการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2558 ที่รัฐบาลมีแผนการลงทุนชัดเจน ทำให้เศรษฐกิจกลับมาขับเคลื่อนอีกครั้ง โดยหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจ คือกลุ่มสื่อสาร และกลุ่มที่เกี่ยวกับการลงทุนภาครัฐ นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ที่ผ่านมาราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวลดลงไปมากกว่า 10 % ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันในตลาดโลก ทั้งนี้ ราคาน้ำมันน่าจะถึงจุดต่ำสุดที่ระดับ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และไม่น่าจะปรับตัวลดลงไปมากกว่ากรอบราคาดังกล่าว ทำให้หุ้นกลุ่มพลังงานมีความน่าสนใจในการลงทุนระยะกลางถึงระยะยาว ส่วนในระยะสั้นนั้น ยังถือว่ามีความเสี่ยงในการลงทุน รายงานบทวิเคราะห์ บล.เอเซียพลัส ระบุว่า ฝ่ายวิจัยเตรียมปรับลดประมาณการราคาน้ำมันดิบดูไบระยะยาวตั้งแต่ปี 2558 ลงเหลือ 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากเดิม 90 ดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าจะกระทบต่อผลการดำเนินงานของหุ้นปิโตรเลียมขั้นต้น บริษัท ปตท.สผ. (PTTEP) และบริษัทปตท. (PTT) และ กลุ่มโรงกลั่น ได้แก่ บริษัทไทยออลย์ (TOP), บริษัทบางจาก (BCP), บริษัทพีทีทีจีซี (PTTGC) รวมทั้งผู้ประกอบธุรกิจถ่านหิน ได้แก่ บริษัทบ้านปู (BANPU), บริษัทลานนา (LANNA) ซึ่งอาจจะต้องมีการบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่าของราคาน้ำมัน โดยคาดว่ากำไรน่าจะหายไปราว 3 หมื่นล้านบาท ก่อนหน้านี้ นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท จำกัด(มหาชน) หรือ PTT กล่าวว่า ราคาน้ำมันโลกปรับตัวลงมามากและพยายามลงมาทดสอบที่ระดับ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยขณะนี้ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ใกล้ระดับ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลแล้ว ซึ่งมองว่าเป็นสถานการณ์ที่ไม่ค่อยปกติ เพราะในช่วงฤดูหนาวราคาน้ำมันควรจะต้องปรับขึ้น ขณะเดียวกันราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ก็ลดลงมาต่ำเหลือไม่ถึง 10 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู อย่างไรก็ตาม ในอีกด้านหนึ่งก็เป็นข่าวดีของผู้บริโภคที่ค่าไฟฟ้าจะถูกลง ตามราคาก๊าซที่ปรับตัวลงตามราคาน้ำมันในอีก 3-6 เดือน ซึ่งคาดว่าจะปรับลดลงในเดือนเม.ย.ที่มีการใช้ไฟฟ้าสูงสุด ทั้งนี้ บริษัทประเมินว่าราคาน้ำมันในปี 2558 จะต่ำกว่าระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ยังต้องติดตามทิศทางราคาน้ำมันที่กลุ่มโอเปกจะมีการประชุมกันอีกครั้งในช่วงเดือน พ.ค.2558 นายไพรินทร์ กล่าวถึงผลกระทบต่อบริษัทกลุ่มปตท. ว่ากลุ่มโรงกลั่นจะเกิดผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน (Stock Loss) แต่กำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เชื่อว่ายังอยู่ในระดับที่ดีทุกบริษัท ขณะเดียวกัน กลุ่มคงต้องระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น แต่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้าซื้อสินทรัพย์ราคาถูกเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้กลุ่มปตท.ก็ยังคงเดินหน้าเจรจาลงทุนธุรกิจ Shale gas ในสหรัฐ แม้ว่ายังไม่ได้มีข้อตกลงร่วมกัน นอกจากนั้น ในเดือน ม.ค.2558 บริษัทจะรับก๊าซ LNG ล็อตแรกจากแหล่งในกาตาร์ที่ใช้ราคาอิงกับราคาน้ำมันและเป็นสัญญาระยะยาวจำนวน 2 ล้านตันต่อปี ซึ่งจะส่งผลดีที่จะซื้อได้ในราคาที่ไม่สูงนัก อีกทั้งบริษัทปตท.กำลังเจรจาซื้อ LNG จากแหล่งอื่นเข้ามาเพิ่มอีกเพื่อรองรับคลัง LNG เฟส 2 ที่สามารถรองรับปริมาณสำรองได้สูงถึง 5 ล้านตัน คาดว่าจะทำสัญญาซื้ออีก 6-7 ล้านตันต่อปี โดยเจรจากับบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) ที่แหล่งก๊าซในโมซัมบิก และรายอื่นๆ ด้วย Tags : ชอร์ตหุ้น • พลังงาน • ยืมหุ้นขาย • ปตท.