โบรกเกอร์แนะจัดพอร์ตสำหรับการลงทุนระยะยาว เลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และราคายังต่ำกว่าราคาเหมาะสม นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส กล่าวถึงแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีปรับลดลงแรงเกือบ 5% ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง นักวิเคราะห์ต้องออกมาปรับลดสมมุติฐานราคาน้ำมันดิบลงจากที่ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่งผลทำให้ราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งมีขนาดมาร์เก็ตแคปสูง ปรับตัวลดลงถึง 8.9%นอกจากนี้ยังมีแรงขายที่ออกมาจากทั้ง พอร์ตโบรกเกอร์, นักลงทุนต่างชาติ และสถาบันในประเทศ อย่างไรก็ตาม การปรับลดลงของดัชนีตลาดหุ้นทำให้ค่า Current PER ปรับลดลงจาก 17.2 เท่า มาอยู่ที่บริเวณ 16.5 เท่า ถือเป็นการลดความร้อนแรง และน่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้ปัจจัยบวกที่รออยู่เริ่มทำงานได้ ไม่ว่าจะเป็นโอกาสที่จะเกิดการดันราคาหุ้นปิดให้สูงขึ้นในช่วงปลายปี ซึ่งมีความน่าจะเป็นสูงถึง 80% หรือการส่งต่อเม็ดเงินที่ซื้อแอลทีเอฟเข้าสู่ตลาดหุ้น โดยน่าจะเห็นนักลงทุนสถาบันในประเทศกลับมาซื้อสุทธิในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของปี และยังมีความคาดหวังเชิงบวกในปี 2558 ถึงตัวเลขอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่น่าจะอยู่ที่ 3.5% และอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนที่คาดว่าจะอยู่ที่ระมาณ 15% ทั้งนี้ ระดับดัชนีที่ 1,500 จุด จะมีค่า PER สิ้นปี 2558 อยู่ในช่วง 14-14.5 เท่า และให้ค่าส่วนต่างอัตราผลตอบแทนที่ระดับ 4.9-5% ภายใต้สมมุติฐานอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้นปี 2558 ที่ระดับประมาณ 15% ซึ่งถือเป็นระดับที่เริ่มน่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว และทำให้บริเวณดังกล่าวทำหน้าที่เป็นแนวรับที่แข็งแกร่งได้ การกำหนดกลยุทธ์ ในช่วงเวลาที่ตลาดอยู่ในช่วงการปรับฐานราคา จะให้ความสำคัญไปที่การจัดพอร์ตสำหรับการลงทุนระยะยาว โดยการเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และราคายังต่ำกว่าราคาเหมาะสมเลือกหุ้นสำหรับพอร์ตลงทุนระยะยาวใน 3 Theme คือ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับลดเช่น AAV, RCL หุ้นที่มีโอกาสเกิดการดันราคาหุ้นปิดให้สูงขึ้น หุ้นเด่นคือ HANA, BEC และสุดท้ายเป็นหุ้นที่คาดหมายว่าจะให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง ได้แก่ INUCH, BTS, TTW, STPI และ SPALI Tags : เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม