หากย้อนเวลากลับไปเมื่อ 36 ปีก่อน เชื่อว่าคนที่ติดตามงานบันเทิงหลายท่านต้องรู้จักชื่อของ "ติ๋ม เพ็ญพร ไพฑูรย์" อดีตนางแบบและนักแสดงดาวรุ่งที่เคยฝากผลงานเอาไว้มากมาย แต่ทว่าเหมือนชะตาเล่นตลกเพราะตั้งแต่ห้องเสื้อเพ็ญพรปิดกิจการลง ก็ดูเหมือนว่าชีวิตของเธอจะไม่ได้ปูทางด้วยกลีบกุหลาบอีกต่อไป!! โดยล่าสุดในวันบันทึกเทปรายการ "คนดังนั่งเคลียร์" ติ๋ม เพ็ญพร ได้ให้สัมภาษณ์แบบเปิดใจถึงชีวิตสุดอาภัพหลังเฟดตัวออกจากวงการ จนต้องผันตัวเองไปเป็นจิตรกร และ หมอดูไพ่ยิปซี นานกว่า 10 ปี เพื่อหาเงินมารักษาอาการป่วยจากบรรดาโรคร้ายที่กำลังรุมเร้าให้เราฟังว่า... ช่วงที่ผ่านมาเราหายไปไหนมาและทำอะไรมาบ้าง ? "ก็หลังจากที่ห้องเสื้อปิดตัวลงพี่ก็พาตัวเองไปอยู่บนเขาที่เชียงใหม่ประมาณ 5 ปี จากนั้นก็ไปบวชแต่บวชได้ไม่นานนะ เพราะว่าต้องสึกออกมาเพื่อดูแลแม่กับพี่สาว ส่วนน้อง 4 คนก็ตายหมดแล้ว" ณ ตอนนี้ เราหาเงินจากทางไหนเป็นหลัก ? "ถ้าหลัก ๆ ตอนนี้ก็คือดูดวงไพ่ยิปซี แต่ว่าจริง ๆ ก่อนหน้านี้รายได้พี่มาจากการวาดรูปนะ แค่เผอิญว่าเมื่อปีก่อนพี่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและพอเป็นปุ๊ปสุขภาพจิตมันก็ไม่ดี มันก็เลยส่งผลให้ไม่มีพลังในการวาด ดังนั้นก็เลยต้องหยุดไปค่ะ" เพราะอะไรจู่ ๆ ถึงได้มาป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ? "คือพี่ผ่านอะไรมาเยอะ พี่เลี้ยงครอบครัวมาสิบกว่าชีวิต แต่แล้วสุดท้ายทุกคนก็ตายกันหมด แถมช่วงก่อนพี่ไปเพ้นท์ภาพให้ผับที่หนึ่งในหัวหินก็ถูกเขาเบี้ยวไม่ให้เงินสักบาท หลังจากนั้นมาพี่ก็มานอนป่วยเลย" นอกจากโรคซึมเศร้าแล้วเรายังป่วยเป็นอะไรอะไรอีกบ้างไหม ? "มีเยอะเลยประมาณ 6 - 7 โรค ทั้งหัวใจตีบ, ซึมเศร้า, ในลำไส้ก็มีแต่สีอะคริลิกเพราะพี่สูดเข้าไปกินเข้าไปเยอะตอนวาดภาพ แถมล่าสุดก็มีไทรอยด์ออกมาที่คอแต่กำลังจะไปผ่าเร็ว ๆ นี้ ส่วนขาก็ไม่มีความรู้สึกแล้ว เพราะล้มในห้องน้ำเวลาเดินต้องให้คนพยุง ซึ่งตอนนี้ต้องกินยาอย่างเดียว พี่กลัวมากกลัวจะเป็นอัมพาต" เริ่มมาสนใจเรื่องศาสตร์การดูหมอดูดวงตั้งแต่เมื่อไหร่ ? "มันมีเองค่ะ อาจจะเป็นเพราะพี่สวดมนต์เยอะด้วยมั้งถึงทำให้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ส่วนที่มาดูไพ่ยิปซีได้ยังไงนั้นก็เป็นเพราะว่ามีหม่อมราชวงศ์ท่านหนึ่งเขาแนะนำให้รู้จักเนื่องจากท่านเห็นว่าพี่เหมาะกับอะไรทำนองนี้ และหลังจากนั้นพอพี่ได้ศึกษาได้ทดลองดูให้เพื่อนทุกคนก็ยืนยันว่าแม่น พี่ก็เลยทำมาต่อเนื่องค่ะ" ชีวิตตอนนี้เราอยู่คนเดียวมีคนช่วยดูแลบ้างไหม ? "ไม่มีค่ะ ถ้าจะให้คนอื่นดูแลก็ต้องจ้างเขา" รายได้จากการดูดวงเพียงพอไหมเพราะเราเองก็ป่วยหลายโรค ? "ไม่พอเหรอก เพราะมันน้อยจริง ๆ ค่ะ แต่ก็ยังโชคดีที่มีน้อง ๆ ที่เขาชื่นชอบเราติดต่อมา ขอมาเยี่ยมบ้าง ขอให้ความช่วยเหลือ ซึ่งเขาน่ารักจริง ๆ ค่ะ" เจอมรสุมชีวิตหนักขนาดนี้เคยมีความรู้สึกท้อแท้จนอยากคิดสั้นบ้างหรือเปล่า ? "มี ในหัวมันจะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่แบบเรารู้สึกว่าทุกอย่างมันทรมานจนอยากกระโดดตึกตาย แต่พอคิดไปคิดมาก็กลัวอีกว่าถ้าหากโดดลงไปแล้วมันไม่ได้ตายแต่ขาหักข้างเดียวจะทำยังไง ซึ่งพอคิดได้พี่ก็หันไปหาหิ้งพระขอให้ท่านช่วย ซึ่งก็ถือว่าช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจได้เหมือนกัน" รู้สึกน้อยใจโชคชะตาหรืออะไรบ้างไหม ? "คือสมัยตอนที่พี่มีแรงพี่ก็ช่วยส่งเงินให้น้องเรียน แต่พอมาถึงตอนนี้พี่ก็เลยแบบนั่งน้อยใจนะว่าดูสิสุดท้ายเราก็ต้องมาป่วยอยู่คนเดียว มีใครที่ไหนมาช่วยดูแล น้อยใจตรงนี้จริง ๆ ค่ะ" ถ้าหากหลังจากนี้มีข่าวออกไปและมีผู้จัดติดต่องานละครเข้ามาเรายินดีรับไหม ? "พี่ไม่ชอบเล่นละครค่ะ เพราะพี่รู้ตัวเองว่าพี่เป็นศิลปิน เป็นเพียวอาร์ต ซึ่งมันคนละเรื่องกันเลย ถ้าจะให้พี่ทำพี่ขอวาดรูป สวดมนต์ ดูไพ่ยิปซี แบบนี้ดีกว่า เพราะพี่ก็ 61 แล้วนะ เกษียณตัวเองแล้วอยากพักบ้าง" มีอะไรอยากจะฝากบอกถึงแฟน ๆ ที่เขาคิดถึงเราไหม ? "ก็อยากให้กำลังใจผู้ที่กำลังป่วยทุกท่านะคะ เพราะตัวดิฉันเองก็ป่วยเหมือนกัน ที่เห็นว่าตอนนี้ตลกสนุกสนาน แต่พอถึงห้องมันก็เหงา"