'กลุ่มพลังงาน'ต้นตอฉุดหุ้นร่วงเฉียด100จุด

หัวข้อกระทู้ ใน 'ข่าวสารการลงทุน' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 12 ธันวาคม 2014.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    (รายงาน) "กลุ่มพลังงาน" ต้นตอ ฉุดหุ้นร่วงเฉียด 100 จุด

    ราคาน้ำมันโลกร่วงหนักต่อเนื่อง จนแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี ได้ส่งผลกระทบต่อหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะหุ้นพลังงาน ซึ่งได้ฉุดดัชนีตลาดหลักทรัพย์ร่วงแรงในสัปดาห์นี้ แต่โบรกเกอร์ประเมินไม่ใช่เพียงปัจจัยเดียว แต่ยังมีปัจจัยอื่นด้วย หลังหุ้นไทยปรับขึ้นมาต่อเนื่องจนแตะระดับ 1,600 จุด

    นักวิเคราะห์ประเมินพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง แม้หุ้นร่วงลงแรงในช่วงสัปดาห์นี้ จากราคาหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลดลง ตามทิศทางราคาน้ำมัน

    ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ปิดตลาดวานนี้(11 ธ.ค.) ที่ 1,526.81 จุด ลดลง 32.75 จุด หรือ 2.10% มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 81,734 ล้านบาท โดยนักลงทุนสถาบัน ขายสุทธิ 3,067 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 2,178 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 3,382 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนภายในประเทศ ซื้อสุทธิ 8,629 ล้านบาท

    ทั้งนี้ ระหว่างวัน ดัชนีร่วงแตะระดับต่ำสุดที่ 1,508.24 จุด ลดลง 51.32 จุด

    หุ้นบริษัท ปตท.(PTT) มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ปิดที่ 333 บาท ลดลงต่อเนื่องอีก 12 บาท หรือ 3.48% มูลค่าการซื้อขายที่ 5,523 ล้านบาท ขณะหุ้นบริษัท ปตท.สผ.(PTTEP) ปิดที่ 115 บาท ลดลง 7 บาท หรือ 5.74% มูลค่าการซื้อขายที่ 3,107 ล้านบาท

    จากดัชนีหุ้นร่วงจากระดับ 1,600 ลงมาแต่ 1,508 จุด ทำให้ นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) และผู้บริหารตลท. รายงานสถานการณ์ต่อนายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หลังจากตลาดหุ้นไทยเปิดทำการซื้อขายในช่วงเช้าวานนี้ ซึ่งดัชนีลงไปกว่า 20 จุด

    นายสถิตย์ กล่าวว่าได้รายงานให้รมว.คลัง รับทราบถึงภาวะตลาดหุ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เพราะการปรับลดลงดังกล่าวเกิดจากตลาดหุ้นโลก และตลาดหุ้นในภูมิภาคแปรับตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับลดลง

    "เศรษฐกิจไทยตอนนี้ มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ซึ่งนักลงทุนก็ได้รับทราบข้อมูลไปเรียบร้อยแล้ว และคาดว่า ปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นกว่าปีนี้ ดังนั้น การลงทุนก็ต้องพิจารณาถึงเรื่องอนาคตที่สะท้อนออกมาจากผลการดำเนินงานของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ด้วย" นายสถิตย์ กล่าว

    ส่วนประเด็นข่าวลือต่างๆ ในตลาดหลักทรัพย์ นายสถิตย์ กล่าวว่า "ไม่เป็นความจริง และขอให้นักลงทุนตรวจสอบข่าวต่างๆ ก่อนตัดสินใจ หากมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดตามสอบถามได้ที่ตลาดหลักทรัพย์"

    นายสมหมาย กล่าวว่าไม่กังวลกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ร่วงลงแรง เพราะเป็นไปตามทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นทั่วโลก หากมีปัจจัยบวกเข้ามา ดัชนีหุ้นไทยก็คงต้องปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่วนกรณีที่ผู้บริหารตลาดหุ้นเข้าพบนั้น ก็ได้หารือถึงการเดินหน้าตลาดหลักทรัพย์ว่าจะไปในทิศทางใด และได้หารือกัน ระยะต่อไปคงต้องมีการเดินทางไปโรดโชว์นักลงทุนต่างประเทศ

    ตลท.ยันไม่มีมาตรการพยุงหุ้น

    นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาพรวมภาวะตลาดหุ้นไทยช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ดีกว่าครึ่งปีแรกมาก หากพิจารณาจากผลดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ พบว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดมีผลดำเนินงานเพิ่มขึ้นถึง 20% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นขึ้นไปแตะที่ 1,600 จุด แต่ไม่สามารถยืนอยู่ได้นาน เพราะราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวลดลง ส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงานและที่เกี่ยวข้องกับพลังงานลดลง

    "นักลงทุนไม่ควรมองที่ดัชนี 1,600 จุดเพียงอย่างเดียว แต่ควรมองตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันว่าบริษัทจดทะเบียนมีผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นถึง 20% แสดงให้เห็นถึงความสามารถของบริษัทในการดำเนินธุรกิจ แม้ตลาดหุ้นจะปรับลดลง แต่ตลาดหลักทรัพย์จะไม่มีมาตรการอะไรออกมาพยุง"นางเกศรา กล่าว

    สมาคมบล.ยันดัชนียืน 1,500 จุด

    นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย กล่าวว่าตลาดหุ้นปรับตัวลดลงแรง จากปัจจัยราคาน้ำมันลดลงแรงต่อเนื่อง ส่งผลให้นักลงทุนไทยและนักลงทุนต่างประเทศใช้โอกาสนี้ปรับพอร์ตการลงทุนก่อนสิ้นปี

    "คาดดัชนีหุ้นไทยจะปรับฐานระยะสั้น และคงลงไปต่ำกว่า 1,500 จุด ซึ่งถือว่าขณะนี้การเก็งกำไรน้อยลง แนะนำให้นักลงทุนหันมาลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ เพราะที่ผ่านมานักลงทุนให้ความสนใจลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก โดยทยอยซื้อ เพราะยังมีความเสี่ยงเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นอย่างที่คาดไว้"

    นางภัทธีรา กล่าวว่าเป้าหมายดัชนีในปีหน้า คาดว่าจะอยู่ระดับ 1,600-1,700 จุด ซึ่งคาดว่านักวิเคราะห์จะปรับลดกำไรบริษัทจดทะเบียนปีหน้า ต่ำกว่าเดิมที่ประมาณการไว้ที่ 14.15% เพราะเศรษฐกิจไทย เติบโตยังไม่ชัดเจน และยังไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ ประกอบกับเศรษฐกิจโลกก็ยังมีปัญหา ประเมินการเติบโตกำไรบริษัทจดทะเบียนจะต่ำกกว่า 10%

    นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงต่อเนื่องตลอดทั้งวัน และระหว่างวันมีการปรับตัวลึกลงถึง 49 จุด แรงขายส่วนมากอยู่ในหุ้นในกลุ่มพลังงาน สาเหตุมาจากราคาน้ำมันร่วงแรง โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มปตท. ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มอื่นปรับตัวลงตามไปด้วย

    ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนลบ รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงเช่นเดียวกัน แต่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงไปมากกว่าตลาดอื่น เนื่องจากตลาดปิดทำการเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. เนื่องในวันรัฐธรรมนูญ

    หลายปัจจัยฉุดตลาดหุ้น

    นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการเงินทุนบุคคล บล.กสิกรไทย กล่าวว่าสาเหตุมาจาก 4 ปัจจัยหลัก คือ พื้นฐานเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ยกเว้นสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้น้ำมันปรับตัวลดลง ปัจจัยเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศแถบยุโรป ญี่ปุ่น และจีน ซึ่งชะลอแผนออกไป โดยประเทศแถบยุโรปเลื่อนมาตรการออกไปจากกำหนดเดิม ขณะที่ประเทศญี่ปุ่นมีการเลือกตั้งใหม่

    นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเรื่องมูลค่าหุ้นในปีนี้ ขณะนี้ค่าพีอีที่ 14-15 เท่า ซึ่งค่อนข้างแพง สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย และปัจจัยสุดท้ายเป็นการปรับตัวลดลงทางเทคนิค ซึ่งดัชนีปรับตัวขึ้นไปถึงระดับ 1,605 จุด 2 รอบ แต่ผ่านไปไม่ได้ จึงปรับตัวลดลงมาและหลุดระดับ 1,592 จุด ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญ

    ทั้งนี้ ดัชนีที่ระดับ 1,505 จุด คิดเป็นพีอี 13.5 เท่า เป็นระดับที่ค่อนข้างถูก สามารถเข้าไปลงทุนได้ และประเมินแนวรับที่ 1,520 และ 1,505 จุด ประเมินแนวต้านที่ 1,535 และ 1,550 จุด

    Tags : น้ำมันโลก • หุ้น • บล.ฟิลลิป

    [​IMG]
     

แบ่งปันหน้านี้