"ก้องเกียรติ" เดินหน้าแก้ปัญหาหุ้น"วินด์ เอนเนอร์ยี่ฯ"ย้ำใช้เครื่องมือด้านไอบีเข้าช่วย เล็งตัดขายบางธุรกิจออก นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเซีย พลัส หนึ่งในผู้ถือหุ้น บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ วินด์ เอนเนอร์ยี่ ขณะนี้ทำให้ผู้บริหารบริษัท และผู้ถือหุ้นใหญ่ต้องรีบเข้าให้การช่วยเหลือ โดยส่วนของ บล.เอเซีย พลัส จะเข้าไปหาวิธีการช่วยเหลือโดยใช้ช่องทางด้านวานิชธนกิจ เพื่อให้ธุรกิจรันต่อไปได้ "สิ่งที่ทุกฝ่ายและทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ วินด์ฯ ต้องทำ คือ การเร่งให้การช่วยเหลือบริษัท เพื่อให้ธุรกิจยังเดินหน้าต่อไปได้ เพราะพื้นฐานของบริษัทไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง ธุรกิจยังรันต่อไปได้ เราต้องแยกตัวธุรกิจกับตัวบุคคลออกจากกัน แต่ที่ผ่านมาทางผู้บริหารบริษัทที่เป็นชาวต่างชาติ ยังไม่มีการพูดอะไรออกมา เราต้องการให้พวกเขาออกมาสื่อสารกับผู้ถือหุ้นว่าทิศทางหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร" ส่วน บล.เอเชีย พลัส ในฐานะผู้ถือหุ้น และมีลูกค้าของบริษัทส่วนหนึ่ง ที่เข้าไปถือหุ้นด้วย บริษัทก็จะใช้วิธีการทางวานิชธนกิจให้ความช่วยเหลือ ส่วนวิธีการจะเป็นเช่นไร ยังไม่มีข้อสรุป แต่มีหลายวิธีที่ทำได้ ทั้งขายหุ้นบางส่วนออกไป หรือการขายธุรกิจบางส่วนออกจากบริษัท รวมไปถึงการขายบริษัทลูก ซึ่งวิธีการเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งต้องพิจารณา "ส่วนตัวผมมองว่า วินด์ เอนเนอร์ยี่ ถือเป็นบริษัทมีพื้นฐานดี มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วอยู่ที่1,088 ล้านบาท พาร์ 10 บาท ธุรกิจยังเดินหน้าต่อเนื่อง มีการก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จ 2 โครงการ คือโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมห้วยบง 1 ห้วยบง 2 กำลังก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลมอีก 2 แห่ง และเดินหน้าธุรกิจขายไฟกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตที่กำลังการผลิตแล้ว 180 เมกะวัตต์ และมีสัญญาซื้อขายทั้งหมด 660 เมกะวัตต์"ก้องเกียรติ กล่าว นอกจากนี้ยังมีการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านลม ทำแผนที่ลม ซึ่งทำให้บริษัทมีโอกาสขยายธุรกิจในอนาคตได้ อีกทั้งมีสถาบันการเงินขนาดใหญ่ ปล่อยกู้เงินเป็นสัดส่วน 70% ของมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมด ขนาดโครงการมีการระดมทุนในอนาคตมากกว่า 10,000 ล้านบาท ถือว่าเป็นโปรเจคใหญ่น่าลงทุน ปัจจัยดังกล่าวทำให้ บล.เอเชีย พลัส ตัดสินใจเข้าซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเก่าในรอบแรก ที่ราคา 394 บาทต่อหุ้น และยังมีผู้ที่สนใจรายอื่นๆ เข้าซื้อ ซึ่งการให้ข้อมูลก่อนการขายหุ้น มีนักลงทุนสถาบันเข้าร่วมรับฟังเช่นกัน ทุกคนรับทราบว่า การเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้ต้องถือหุ้นจนถึงไตรมาส 3 ของปี 2558 จึงจะขายหุ้นได้ และใช้สิทธิการเพิ่มทุนครั้งที่ 2 ในอัตรา 33 หุ้นเดิม ต่อ 1หุ้นใหม่ ที่ราคา 570 บาทต่อหุ้น ซึ่งการถือหุ้นของบริษัท เป็นสัดส่วนที่น้อยมาก คิดเป็น 0.1% ของหุ้นทั้งหมด หรือมีมูลค่า 50 ล้านบาท โดยมีผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท 2 รายถือครองหุ้นรวมกัน 90% นายก้องเกียรติ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้าที่บริษัทจะเข้าไปซื้อหุ้นครั้งนี้ ไม่ได้รับทราบถึงปัญหาส่วนตัวของผู้บริหาร และโดยส่วนตัวรู้จักกับผู้บริหารรายดังกล่าว จากการแนะนำของเพื่อนนักธุรกิจด้วยกัน เมื่อเกิดกระแสข่าวขึ้น ยอมรับว่ารู้สึกตกใจกับกระแสข่าวดังกล่าว หลังเกิดเหตุการณ์ยังไม่ได้พูดคุยกับผู้บริหารบริษัทที่มีปัญหา ซึ่งโดยส่วนตัวหากรับทราบว่า บริษัทมีความเสี่ยง ก็จะไม่ลงทุน "ยอมรับว่าการนำหุ้น วินด์ฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ อาจต้องล่าช้าออกไป จากกำหนดการเดิม คือ กลางปีหน้า ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า บล.เอเชียพลัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงินนั้น เรื่องนี้ขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง เพราะก่อนหน้าที่จะเกิดปัญหาขึ้น บริษัทอยู่ระหว่างการคัดเลือกที่ปรึกษาทางการเงิน โดยมีผู้ที่ให้ความสนใจเป็นโบรกเกอร์ต่างประเทศ 2 ราย และโบรกเกอร์ไทย 2 รายที่ให้ความสนใจ" นายก้องเกียรติ กล่าว ด้านนายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า กรณีปัญหาที่เกิดขึ้นกับการซื้อขายหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์นั้น ก.ล.ต.ไม่มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบ เพราะเป็นการซื้อขายหุ้นที่ยังไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จึงต้องการฝากเตือนนักลงทุนว่า หากต้องการซื้อขายหุ้น ควรซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์จะปลอดภัยที่สุด นอกจากนี้นักลงทุนต้องศึกษาข้อมูลก่อนการซื้อขายว่า หุ้นที่สนใจอยู่ในขั้นตอนกระบวนการใดในการเข้าตลาด และต้องมีการสอบถามกับที่ปรึกษาทางการเงินและบริษัทหลักทรัพย์ ที่เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายให้ชัดเจน นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า นักลงทุนควรพิจารณาการลงทุนอย่างรอบคอบ และไม่ควรเชื่อกระแสข่าวลือต่างๆ รวมถึงข้อเสนอของบุคคลที่จะขายหุ้นไอพีโอ (การเสนอขายหุ้นใหม่ให้แก่ประชาชนครั้งแรก) โดยขอให้ตรวจสอบกับตลาดหลักทรัพย์ก่อน เพราะข่าวลือที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อการลงทุนของนักลงทุน โดยปีหน้าคาดจะมีหุ้นไอพีโอเสนอขายเม็ดเงิน 250,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับปีนี้ ส่วนนางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการซื้อขายหุ้นนอกตลาด และก่อให้เกิดความเสียหายนับหลายร้อยล้านบาทนั้น ที่ผ่านมาทางสมาคมโบรกเกอร์ ได้กำชับให้บริษัทหลักทรัพย์สมาชิกให้ดูแลผู้แนะนำการลงทุน ไม่ให้มีส่วนเกี่ยวข้องแนะนำการซื้อหุ้นนอกตลาด แม้ขณะนี้จะไม่มีกฎข้อไหนมีการบังคับไว้ในเรื่องนี้ และการแนะนำหุ้นนอกตลาด จะเป็นมีการกระทำส่วนตัวของพนักงานก็ตาม ปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นในตลาดหุ้นมานานมากกว่า 10 ปีแล้ว แต่เมื่อตลาดหุ้นมีความร้อนแรงทำให้การซื้อขายหุ้นนอกตลาดกลับมาอีกครั้ง เรื่องนี้ต้องมาพิจารณา และห้ามไม่ให้มีการไปดีลหุ้นนอกตลาดในอนาคต ทางสมาคมอยากจะเตือนนักลงทุนที่ซื้อขายหุ้น ให้ซื้อผ่านบริษัทหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ เพราะไม่มีความเสี่ยง และเป็นการซื้อขายที่ปลอดภัยมากที่สุด เพราะหากซื้อนอกตลาดจะไม่มีใครเข้ามารับผิดชอบในเรื่องความเสียหาย Tags : ก้องเกียรติ โอภาสวงการ • วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง • ผู้ถือหุ้น