Samsung Galaxy Tab Active 3 อีกรุ่นของแท็บเล็ตสายอึด ถึก ทน จาก Samsung สำหรับผู้ใช้งานในองค์กร เป็นอุปกรณ์แบบ Rugged ที่โฟกัสการออกแบบไปที่ความทนของตัวเครื่อง เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานในสภาพแวดล้อมเช่นการออกไซต์งาน หรือการใช้ภายนอก ในพื้นที่ที่มีฝุ่น มีน้ำหรือเสี่ยงต่อการตก และมีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 21,900 บาท จุดเด่นอีกอย่างคือรองรับการใช้งาน S-Pen รองรับการสัมผัสผ่านถุงมือผ้า และตอนหน้าจอเปียก เหมาะสำหรับวิศวกร หรือเจ้าหน้าที่ที่ต้องสวมถุงมือเวลาทำงาน หรือทำงานภายใต้สภาวะที่ต้องเปียกชื้นตลอดเวลา Galaxy Tab Active 3 ยังสามารถถอดฝาหลังเปลี่ยนแบตเตอรี่ หรือใช้งานโดยไม่ต้องมีแบตเตอรี่ แค่เสียบสายชาร์จ USB-C ไว้โดยตรงได้อีกด้วย สเปกเครื่อง ตัวเครื่องไม่ได้ใช้สเปกที่ใหม่นัก ชิปที่ใช้เป็น Exynos 9810 แบบเดียวกับ Samsung Galaxy S9 (ปี 2018) แต่ไปเน้นด้านความทนทานและฟังก์ชั่นมากกว่า เพราะทนต่อการตกกระแทกมาตรฐาน MIL-STD-810H และกันน้ำกันฝุ่นแบบ IP68 มีสเปกอื่นๆ ดังนี้ หน้าจอ TFT-LCD 24-bit ขนาด 8 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ1200x1920 พิกเซล ซีพียู Exynos 9810 แรม 4GB หน่วยความจำภายใน 64GB กล้องหลัง 13MP กล้องหน้า 5MP รองรับซิม 4G และการ์ด microSD สูงสุด 1TB แบตเตอรี่ 5,050 mAh ชาร์จเร็ว 15W รัน Android 10 ครอบทับด้วย One UI 2.1 ด้านหน้าเป็นหน้าจอ LCD พร้อมกล้องหน้า 5MP ยังมีปุ่มโฮม ปุ่มแทสก์ และปุ่มย้อนกลับ อยู่ครบทั้งสามปุ่ม น่าจะเป็นเพราะออกแบบมาสำหรับสถานการณ์ที่กดบนจอยาก กดด้วยปุ่มจริงง่ายกว่า ส่วนการแสกนลายนิ้วมือ เป็นแบบทำผ่านปุ่มโฮม เหมือนในอุปกรณ์ Samsung รุ่นก่อนๆ ด้านหลังมีกล้อง 13MP ตัวเดียว ชาร์จผ่าน USB-C รองรับชาร์จเร็วสูงสุด 15W มีที่ชาร์จมาให้ในกล่อง มีลำโพงตัวเดียวอยู่ด้านล่างของตัวเครื่อง ด้านซ้ายมีพอร์ต Samsung POGO สำหรับใช้กับอุปกรณ์เสริมเช่นคีย์บอร์ดหรืออื่นๆ ในตระกูล Galaxy Tab ได้ ด้านขวามีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง ปุ่มพาวเวอร์ และ Active Key (ปุ่มสีส้ม) ซึ่งเป็นปุ่มฮอตคีย์ที่ตั้งค่าให้เปิดแอปต่างๆ ได้ ในกล่องให้เคสกันกระแทกแบบหนามาด้วย (แม้ตัวเครื่องจะดูแข็งแรงอยู่แล้ว) ปากกา S-Pen เสียบอยู่ที่ด้านบนของเคส ส่วนที่ตัวเครื่องจะไม่มีช่องให้เสียบเก็บปากกา S-Pen เมื่อใส่เคสแล้วจะเพิ่มความหนาของเครื่องมาอีกเล็กน้อย ช่วงมุมกินขอบจอเล็กน้อย และเป็นยางแบบนูนขึ้นมา ช่วยป้องกันกระจกไม่ให้กระแทกกับพื้นโดยตรง หน้าจอ UI และการทดสอบประสิทธิภาพ ระบบปฏิบัติการเป็น Android 10 ครอบด้วย One UI 2.1 มาจากโรงงาน สามารถเลือกไม่ติดตั้งแอป Samsung ได้ แต่มีแอป Google บังคับติดตั้งมาให้ในตัว ไม่สามารถเลือกไม่ติดตั้งได้ แอป Geekbench 5 ผู้เขียนลงเพิ่มเติมเพื่อทำการทดสอบ คะแนน Geekbench 5 ไม่สูงนัก เพราะใช้ซีพียูปี 2018 น่าจะเหมาะกับผู้ใช้งานที่ไม่ได้เน้นใช้ประสิทธิของตัวเครื่องมากนัก แต่ต้องการความทนทานและฟังก์ชั่นของปุ่มกดในสถานการณ์ที่ใช้จอสัมผัสยาก กล้อง ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ให้มาในคุณภาพที่พอใช้ สู้กล้องมือถือในปี 2021 แม้จะรุ่นกลางๆ ก็ไม่น่าได้ แต่มีไว้ในระดับ “พอใช้งาน” เช่นถ่ายภาพรายละเอียดอุปกรณ์ เอกสาร หรือใช้กล้องหน้าเพื่อการประชุมงาน ฟังก์ชั่นอื่นๆ และความทนทาน ผู้เขียนลองทดสอบนำเครื่องที่ใส่เคสแล้วทำตกจากอกสู่โต๊ะ และพื้น ไม่ปรากฎร่องรอยใดๆ บนหน้าจอ เมื่อนำไปวางในซิงค์ และเปิดน้ำจากก็อกใส่ประมาณ 5 นาที ตัวเครื่องมีอาการรวนเล็กน้อย กดปุ่มไม่ได้ในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นก็ใช้งานได้ ตอนหลังขึ้นเตือนพบความชื้นในพอร์ตและไม่ยอมให้ต่อสายชาร์จอยู่นานพอสมควร กว่าจะกลับไปชาร์จได้ แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรในระยะยาว และคิดว่าถ้าใส่เคสคงป้องกันน้ำได้ดีกว่าอีกหน่อย (เพราะฝาหลังถอดเปิดได้) อีกฟังก์ชั่นที่น่าสนใจคือสามารถถอดฝาหลัง เพื่อถอดแบตเปลี่ยนได้ ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นกันในมือถือหรือแท็บเล็ตรุ่นใหม่ๆ ทั่วไป นอกจากนี้ยังสามารถทำงานได้แม้ไม่ใส่แบต แต่ใช้เสียบสาย USB-C ชาร์จไว้แทนอีกด้วย ช่องรอบแบตเตอรี่จะมีขอบยางกันน้ำอยู่ที่ฝาหลัง สรุป Galaxy Tab Active 3 ถือเป็นแท็บเล็ตแบบ Rugged ที่หากเทียบราคาเริ่มต้น 21,900 บาทกับประสิทธิภาพแล้ว ถือว่าค่อนข้างสูง เพราะ Galaxy Tab S7 รุ่น WiFi ที่มาพร้อมชิปเรือธงปีที่แล้วอย่าง Snapdragon 865+ มีราคาอย่างเป็นทางการบนเว็บไซต์ Samsung อยู่ที่ 23,900 บาทใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ยังได้หน้าจอ 11 นิ้ว แรม และหน่วยความจำภายในที่มากกว่า แต่สำหรับลูกค้าองค์กร คนที่ต้องทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม ไซต์งาน หรืออื่นๆ แล้ว ความแข็งแรงทนทาน การกันน้ำ IP68 การใช้งานผ่านถุงมือ หรือการพกแบตเตอรี่สำรองไว้เปลี่ยนเพื่อใช้งาน อาจคุ้มค่าพอให้ยอมแลกประสิทธิภาพกับความคงทนที่เพิ่มเข้ามา เพื่อความไว้ใจได้ในการทำงาน และทำให้ Galaxy Tab Active 3 เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ Topics: SamsungSamsung GalaxyTabletGalaxy TabReview