Samsung เปิดตัว Galaxy A52 และ Galaxy A52 5G รุ่นอัพเกรดจาก Galaxy A51 มือถือแอนดรอยด์ที่ขายดีอันดับ 1 ประจำไตรมาสแรกของปีที่แล้ว ส่วนคราวนี้มีสองตัวเลือก ทั้ง A52 รุ่นธรรมดา รองรับ 4G ราคา 11,999 บาท และ A52 5G รองรับ 5G ตามชื่อ ราคา 13,499 บาท ข้อแตกต่างระหว่าง Galaxy A52 กับ A52 5G ก่อนจะไปเทียบกับ Galaxy A51 รุ่นปีที่แล้ว คงต้องเปรียบเทียบ Galaxy A52 กับ A52 5G กันก่อน ข้อแตกต่างแรกคือซีพียู ที่รุ่นธรรมดาใช้ Qualcomm Snapdragon 720G ส่วนรุ่น 5G ใช้ Snapdragon 750G ซึ่ง นอกจากจะรองรับ 5G แล้ว ยังได้คะแนนการทดสอบ AnTuTu และ Geekbench 5 สูงกว่า 720G อยู่ประมาณ 16-17% อีกด้วย (การทดสอบระหว่าง Xiaomi Mi 10T Lite กับ Realme 7 Pro ที่ใช้ซีพียูคู่นี้เหมือนกัน) อีกจุดเป็นเรื่องของหน้าจอ ที่เป็น Super AMOLED ความสว่างสูงสุด 800 nits ความละเอียด 1080x2400 พิกเซลเหมือนกัน แต่ A52 5G มีรีเฟรชเรต 120Hz ส่วน A52 ธรรมดามีรีเฟรชเรต 90Hz ในส่วนอื่น เช่น แรมหรือหน่วยความจำภายใน ในบ้านเราทั้งสองรุ่นวางจำหน่ายที่ 8GB+128GB เท่ากัน (ยังไม่มีข้อมูลว่า A52 และ A52 5G มีการอัพเกรดหน่วยความจำภายในจาก UFS 2.0 ใน Galaxy A51 ให้เป็นรุ่นที่เร็วกว่าเดิม เช่น UFS 3.0 หรือไม่) ใครที่อยากได้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าเล็กน้อย หน้าจอรีเฟรชเรตสูงกว่า และอยากใช้งานยาวๆ จน 5G ใช้งานได้เต็มที่ รุ่น A52 5G น่าจะตอบโจทย์ ในราคาที่แพงขึ้นมาอีก 1,500 บาท เทียบ Galaxy A51 กับ Galaxy A52 และ A52 5G Galaxy A51 เปิดตัวด้วยราคา 10,499 บาท ราคาอย่างเป็นทางการบนเว็บไซต์ Samsung ในปัจจุบัน อยู่ที่ 9,999 บาท (แต่ก็สามารถหาซื้อจากช่องทางอื่นเช่น Lazada ได้ในราคา 8 พันต้นๆ) หรือถูกกว่า A52 อยู่ประมาณ 2,000 บาทและถูกกว่า A52 5G อยู่ประมาณ 3,500 บาท Galaxy A51 ประสิทธิภาพ จุดแรกที่แตกต่างคือ Galaxy A51 ใช้ชิป Exynos 9611 ซึ่งมีคะแนน AnTuTu น้อยกว่า Snapdragon 720G ประมาณ 53% และด้อยกว่าในทุกการทดสอบ (ทดสอบบน Galaxy A51 กับ Realme 7 Pro) ส่วน Snapdragon 750G ในรุ่น A52 5G ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะทำคะแนน AnTuTu แซง Exynos 9611 ไปถึง 80% และคะแนน Geekbench 5 แบบ Single Core ก็มากกว่าถึง 106% (ทดสอบบน Galaxy A51 เทียบกับ Xiaomi Mi 10 Lite) ในเรื่องแรม Galaxy A51 ให้มา 6GB ในขณะที่ A52/52 5G ให้มา 8GB แม้หน่วยความจำภายในของ A51 กับ A52 เริ่มต้นที่ 128GB เท่ากัน แต่ A51 รองรับ microSD แค่ 512GB ส่วน A52 ทั้งสองรุ่น รองรับ microSD card สูงสุดที่ 1TB หน้าจอ หน้าจอ Galaxy A51 แม้จะมีขนาด ความละเอียด และดีไซน์จอเหมือนกับ A52 แต่มีรีเฟรชเรตแค่ 60Hz เทียบกับ A52 ที่มีอัตรารีเฟรช 90Hz และ A52 5G มีอัตรารีเฟรช 120Hz นอกจากนี้กระจกด้านหน้าของ A52 ทั้งสองรุ่นก็อัพเกรดจาก Gorilla Glass 3 เป็น Gorilla Glass 5 ทำให้หน้าจอของ A52 นั้น ทั้งลื่นไหลกว่าและทนทานกว่า A51 กล้อง กล้องหน้าของ A51 กับ A52 เป็นกล้อง 32MP ไม่แตกต่างกัน แต่กล้องหลังหลักมีการอัพเกรดขึ้นพอสมควร จาก 48 MP f/2.0 เป็น 64MP f/1.8 ซึ่งรูรับแสงที่กว้างขึ้นนี้ แปลว่า A52 น่าจะถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีกว่า ส่วนกล้องอื่นแทบไม่แตกต่าง มีเพียง depth sensor เท่านั้นที่รูรับแสงของ A51 จะกว้างกว่าเล็กน้อย ที่ 5MP, f/2.2 ในขณะที่ A52 อยู่ที่ 5MP, f/2.4 ทั้งสองรุ่นถ่ายวิดีโอ 4K 30fps และ 1080p 30fps และ 120fps ได้เหมือนเดิม แบตเตอรี่ แบตเตอรี่ของ A51 อยู่ที่ 4,000 mAh ในขณะที่ A52 เพิ่มเป็น 4,500 mAh และการชาร์จเร็วของ A51 เป็นแบบ 18W พอมาเป็น A52 เพิ่มเป็น 25W การเปลี่ยนมาใช้ชิป Snapdragon 720G และ 750G ที่ประหยัดพลังงานกว่า Exynos 9611 ก็เป็นอีกปัจจัยที่น่าจะทำให้แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานขึ้น แม้จะเปิดใช้งาน 5G บนรุ่น A52 5G ก็ตาม ซอฟต์แวร์และการซัพพอร์ต Galaxy A51 มาพร้อม Android 10 และ One UI 3.0 ซึ่งแม้จะอัพเป็น Android 11 ได้ แต่ก็จะเหลือปีที่ Samsung การันตีซัพพอร์ตอีกแค่ 2 ปีคือได้ถึง Android 13 เท่านั้น ในขณะที่ A52 ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับ Android 11 และ One UI 3.1 จากโรงงาน จะได้การันตีซัพพอร์ตถึง Android 14 อื่นๆ Galaxy A52 ทั้งสองรุ่น เป็นครั้งแรกที่มือถือตระกูล Galaxy A มาพร้อมฟีเจอร์กันน้ำเรตติ้ง IP67 และมีสีใหม่คือสีพาสเทลม่วง "Awesome Violet" และสีพาสเทลฟ้า "Awesome Blue" เพิ่มเข้ามา สรุป Galaxy A52 ทั้งสองรุ่น มีสเปกที่ดีกว่า A51 ในหลายๆ ด้าน ที่เห็นได้ชัดคือชิป Snapdragon 720G และ 750G ที่นอกจากแรงกว่า Exynos 9611 แล้ว ยังประหยัดพลังงานกว่า ทำให้แบตที่เพิ่มความจุมาอีก 500 mAH น่าจะอยู่ได้นานขึ้นหรืออย่างน้อยก็เท่าเดิม แม้หน้าจอจะมีรีเฟรชเรตสูงกว่า และมีรุ่นที่เปิดใช้งาน 5G ได้ นอกจากนี้ ฟีเจอร์กันน้ำกับกระจกหน้าจอ Gorilla Glass 5 น่าจะทำให้ A52 ทนต่อการใช้งานกว่า ส่วนอายุการซัพพอร์ตซอฟต์แวร์และแรมที่มากกว่า ก็น่าจะทำให้ A52 ไม่อืดเร็วจนเกินไป และไม่ถูกทอดทิ้งในการการรองรับแอปต่างๆ และการอัพเดตความปลอดภัย แต่หากจุดตัดสินใจสำคัญของการซื้อมือถือของคุณ คือต้องการได้กล้องที่ดีขึ้น การปรับปรุงกล้องจาก A51 มาเป็นกล้องใน A52 ทั้งสองรุ่นอาจไม่ได้เป็นการก้าวกระโดดมากนัก คงต้องช่างใจว่าฟีเจอร์อื่นๆ ที่เพิ่มเข้ามาข้างต้น คุ้มค่ากับราคาที่เพิ่มขึ้นมาหรือไม่ Galaxy A52 สีม่วง Awesome Violet Topics: SamsungGalaxy AMobile