"หุ้นพลังงานบริสุทธิ์" ป่วนดัชนีตลาดเอ็ม เอ ไอ ผันผวนหนัก เหตุกินสัดส่วนมาร์เก็ตแคปเกิน 25% แหล่งข่าวบริษัทหลักทรัพย์รายหนึ่ง เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ในปัจจุบันถูกถ่วงน้ำหนักด้วยหุ้นของบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรืออีเอ ในน้ำหนักค่อนข้างมาก โดยมีสัดส่วนต่อมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดคิดเป็น 25-27% ของตลาดหุ้นเอ็มเอไอ ทำให้การปรับเพิ่มขึ้น หรือลดลงของดัชนีหุ้นเอ็มเอไอ ส่วนหนึ่งมาจากการปรับตัวของหุ้นพลังงานบริสุทธิ์ "ปัจจุบันตลาดหุ้นเอ็มเอไอ มีสัดส่วนของหุ้นอีเอ ในมาร์เก็ตแคปถึง 27% ถือว่ามีน้ำหนักค่อนข้างมาก ดัชนีตลาดหุ้นเอ็มเอไอ จะเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันราคาหุ้นพลังงานบริสุทธิ์ เหมือนกับในสมัยอดีตที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีสัดส่วนของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ดัชนีหุ้นขณะนั้นจะผันผวนตามการปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงของหุ้น ปตท. หรือราคาน้ำมัน" แหล่งข่าว กล่าว เมื่อพิจารณาสัดส่วนของ มาร์เก็ตแคปของหุ้นอีเอ ในปัจจุบันอยู่ที่ 9.68 หมื่นล้านบาท หรือ กินสัดส่วนประมาณ 27%จะพบว่าขนาดของบริษัทอีเอนั้น สามารถบรรจุอยู่ใน เซ็ท 50 ได้โดยมีขนาดมาร์เก็ตแคปอยู่ในอันดับที่ 32 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยขนาดของบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ เทียบกับบริษัทขนาดกลางในตลาดหลักทรัพย์ 2 บริษัทรวมกัน การที่บริษัทมีมาร์เก็ตแคปของตลาดหุ้นเอ็มเอไอในระดับที่สูงมาก และมีระดับราคาปิดกำไรต่อหุ้น หรือพีอีที่ 72.51 เท่า เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ระดับพีอีของตลาดหุ้นเอ็มไอปรับตัวสูงกว่าปกติ เมื่อเทียบกับหุ้นที่มีขนาดใหญ่ 5 อันดับแรก ของตลาดหุ้นเอ็มเอไอ ที่เกินส่วนแบ่งมาร์เก็ตแคปในระดับ 3-5% โดยอันดับที่ 2 บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) มีมาร์เก็ตแคป 1.61หมื่นล้านบาท อันดับที่ 3 บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) หรือ อีฟอร์แอล มีมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 1.54 หมื่นล้านบาท อันดับ 4 บริษัท ไอร่า แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) มาร์เก็ตแคป 1.30 หมื่นล้านบาท อันดับที่ 5 บริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) มีมาร์เก็ตแคป ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท พบว่าหุ้นพลังงานบริสุทธิ์ มีขนาดมาร์เก็ตแคปที่ใหญ่เกินไป จนหาหุ้นที่จะมาถ่วงน้ำหนักด้วยได้ค่อนข้างยาก นอกจากนี้ จากการสังเกตบริษัทจดทะเบียนในระยะหลัง จะพบว่า บริษัทที่เข้าทำการจดทะเบียนในตลาดหุ้นเอ็มเอไอ มีขนาดที่ใหญ่มากขึ้น และมีบางบริษัทที่เลือกจะเข้าระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ที่มีระดับพีอีสูง แทนที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพราะมีความคุ้มค่าในการระดมทุนมากกว่าตลาดหลักทรัพย์ ไม่นับถึงหุ้นขนาดเล็ก ที่เข้าจดทะเบียนในระยะหลัง ที่มีการขายไอพีโอแพงมากขึ้น โดยเสนอขายหุ้นในระดับพีอี 40-50 เท่า ทำให้นักลงทุนมีความเสี่ยงในการซื้อขายหุ้นมากขึ้น ปัจจัยดังกล่าว ทำให้ตำแหน่งของตลาดหุ้นเอ็มเอไอ จากเดิมต้องการเป็นตลาดของหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่มีการเติบโตสูง มีการเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วง เพราะทำให้ภาพของทั้ง ตลาดทับซ้อนกัน ดังนั้นตลาดหลักทรัพย์ ควรจะพิจารณาถึงความเหมาะสมของการมีหุ้นขนาดใหญ่เกินไปในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ Tags : หุ้นพลังงานบริสุทธิ์ • หุ้นEA • ตลาดเอ็มเอไอ • มาร์เก็ตแคป