รายใหญ่ "ซัสโก้" แห่เพิ่มสัดส่วนถือครองหุ้น โดยเฉพาะ "ตระกูลสิมะโรจน์" ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 รายใหญ่"ซัสโก้" แห่เพิ่มสัดส่วนถือครองหุ้น 2 เดือนจ่าย 261 ล้านบาท โดยเฉพาะ "ตระกูลสิมะโรจน์" ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ร่วมวงด้วย "ตระกูลตันติพจน์" ทุ่ม 74 ล้าน ซื้อรวดเดียว 17 ล้านหุ้น เดิมไม่เคยถือลงทุน "โบรกเกอร์" ระบุ เหตุลุยดักซื้อ หวังเก็งข่าวตัวเต็งรับซื้อหุ้น"บางจาก" ส่วนที่ปตท.ถือ 27% คาด"ซัสโก้"อาจไม่ต้องเพิ่มทุน เพราะแบงก์พร้อมปล่อยกู้ ราคาหุ้น 2 เดือนพุ่งขึ้น 42% ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า ผู้ถือหุ้นรายบุคคล บริษัทซัสโก้ (SUSCO) ทยอยเพิ่มสัดส่วนถือครองหุ้น จากสมุดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ เดือนก.ย.2557 เทียบกับเดือนพ.ย.2557 โดยกลุ่มตระกูลสิมะโรจน์ ถือครองเพิ่มหุ้น ประกอบด้วย นายภิมุข สิมะโรจน์ เพิ่มถือหุ้น 600,000 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 2.56 ล้านบาท น.ส.วีรินทร์ สิมะโรจน์ 273,700 หุ้น มูลค่า1.16 ล้านบาท นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ 300,000หุ้นมูลค่า 1.28 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนรายใหญ่ที่ซื้อเพิ่มจากเดิมไม่เคยถือลงทุนคือ นายธวัชชัย ตันติพจน์ ซื้อ10 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 42.70 ล้านบาท และนายพีรณัฎฐ์ ตันติพจน์ 7.6 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 32.45 ล้านบาท สำหรับการเคลื่อนไหวราคาหุ้นซัสโก้ เดือนก.ย.ถึงพ.ย. ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 42.48% จากราคา 3.06 บาทเป็น 4.36 บาท ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า การที่ผู้ถือหุ้นทยอยเพิ่มสัดส่วนถือหุ้น เพราะคาดว่า จะมีการดักเก็งกำไรข่าวการเจรจาติดต่อขอซื้อหุ้นบริษัทบางจาก (BCP) ในส่วนที่บริษัทปตท.ถือลงทุน 27% ซึ่งที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทซัสโก้ กับบริษัทปตท. มีการทำธุรกรรมอยู่แล้ว ดังนั้นการเชื่อมโยงความสัมพันธ์และการเจรจา น่าจะมีโอกาสสูง นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าวว่า บริษัทซัสโก้ อาจไม่ต้องเพิ่มทุน เพื่อจะนำมาซื้อหุ้นในครั้งนี้ เนื่องจากยังมีสถาบันการเงินใหญ่สนับสนุนด้านการเงิน โดยการนำหุ้นเป็นหลักประกัน ทำให้ไม่เกิดผลกระทบจากการเพิ่มทุนที่จะมีผลกับราคาหุ้น "ตอนนี้ต้องระมัดระวังการลงทุนเพราะยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการเข้าซื้อหุ้นบางจาก และการที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นได้มาก เพราะนักลงทุนมีความคาดหวัง จึงเข้ามาลงทุนหุ้นดังกล่าว" บล.เคเคเทรด ระบุว่า แนวโน้มราคาน้ำมันดิบในช่วงปลายปีมีโอกาสปิดในระดับต่ำกว่าคาด แม้จะเป็นช่วง High Season ของการใช้น้ำมัน ประเมินว่า กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นเพิ่มความเสี่ยงต่อการปรับลดประมาณการกำไรสุทธิในปี 2557 ของกลุ่มธุรกิจการกลั่น และยังมีโอกาสปรับปรับลดกำไรสุทธิปี2557 ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยไม่พบข้อมูลใหม่ จากการประชุมนักวิเคราะห์ โดยความเสี่ยงต่อการลงทุนหุ้นในกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นยังคงอยู่ที่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง ซึ่งปัจจุบันถือว่าปรับลดลงมากกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปีนี้ เพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้ไตรมาส 4 ปีนี้ขาดทุน จากการรับรู้ Stock Loss ที่เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปีนี้ ที่รับรู้ Stock Loss มากถึง 1.4 พันล้านบาท ขณะที่ฝ่ายวิจัยได้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2557ของบริษัทบางจาก ที่ 3.4 พันล้านบาท มีโอกาสถูกปรับลดลง โดยยังคงประมาณการกำไรปกติไว้เท่าเดิมแต่ยังเชื่อว่ากำไรปกติปี 2558 จะเติบโต 15%จากปี 2557 ซึ่งยังคงมุมมองเชิงลบต่อธุรกิจการกลั่น ตามทิศทางของราคาน้ำมันที่ลดลงจากปัญหาอุปทานส่วนเกิน ทำให้เราคาดว่าค่าการกลั่นพื้นฐาน (MARKET GRM)ของบริษัทบางจาก( BCP) ในปี 2558 จะอยู่ที่ 6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 6%จากงวดเดียวกันปีก่อน ส่วนกำลังกลั่นที่เพิ่มขึ้น 19% จากปีก่อน เนื่องจากไม่มีแผนหยุดซ่อม และกำลังผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ที่เพิ่มขึ้นจากการรับรู้ โซลาร์ฟาร์มเฟส 3 เต็มปี จะเป็นปัจจัยชดเชยค่าการกลั่นที่อ่อนตัวลง ทำให้ยังคงประมาณการกำไรปกติไว้ที่ 4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากงวดเดียวกันปีก่อน นอกจากนี้ ราคาหุ้นบางจาก ยังถูกจำกัดด้วยประเด็นการขายหุ้นในส่วนที่บริษัทปตท. ถือลงทุน เชื่อว่าการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น จะยังเป็นไปในลักษณะนี้จนกว่าจะความชัดเจนในประเด็นดังกล่าว Tags : ซัสโก้ • ตระกูลสิมะโรจน์ • ซื้อหุ้น • บางจาก