แนะซื้อทองหลังเฟดขึ้นดอกเบี้ย ระบุแตะจุดต่ำสุด16,000บาท

หัวข้อกระทู้ ใน 'ข่าวสารการลงทุน' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 10 ธันวาคม 2014.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    "ศูนย์วิจัยทองคำ" ระบุจับตาปี 2558 หลังปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐ เป็นจุดเริ่มต้นของราคาทอง"ขาขึ้น"

    ส่วนฟื้นแรงแค่ไหน ขึ้นอยู่กับภาพเศรษฐกิจโลก แนะเข้าซื้อช่วงปลายไตรมาส 2 ด้านดัชนีทองคำเดือนธ.ค.ฟื้นตัวเล็กน้อย เตือนเกาะติดค่าเงินดอลลาร์มีผลต่อราคาทองคำ

    ทิศทางราคาทองคำในปี 2558 ยังเป็นทิศทางขาลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เนื่องจากนักลงทุน ยังเน้นไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ยังเป็นทิศทางขาขึ้น อย่างในตลาดหุ้น อีกทั้งภาพของเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวในหลายภูมิภาค รวมถึงยังมีปัจจัยกดดันในเรื่องการปรับเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยสหรัฐ

    นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยว่า ราคาทองคำปีหน้าจะเป็นทิศทางขาลง เพราะยังมีหลายปัจจัยรุมเร้าโดยเฉพาะการปรับเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยสหรัฐ ในช่วงปลายไตรมาส 2 ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญ

    "ส่วนตัวผมมองว่า ราคาทองคำจะมีกรอบต่ำสุดที่ 1,050-1,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในส่วนราคาทองคำไทยอาจไม่ปรับตัวลดลงมากนัก เพราะไทยมีความเสี่ยงที่จะต้องปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้ค่าเงินบาทอาจอ่อนค่า จึงมองว่าราคาทองคำไทยจะไม่ต่ำกว่า 16,000 บาทต่อบาททองคำ ส่วนกรอบบนของราคาทองคำในปีหน้าประเมินว่าอยู่ที่ 22,000 บาทต่อบาททองคำ" นายกมลธัญ กล่าว

    โดยในปี 2558 มุมมองต่อราคาทองคำ น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของรอบนี้ หากพิจารณาจากปัจจัยเสี่ยง จะพบว่า เหลือเพียงการปรับเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยสหรัฐเท่านั้น ที่เป็นปัจจัยกดดันมากที่สุด และราคาสินทรัพย์มักตอบสนองกับข่าว ก่อนที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้นจริง

    ดังนั้นประเมินว่า ราคาทองคำจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ หลังจากการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐมีความชัดเจน แต่ราคาทองคำจะปรับเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด ต้องขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจโลก หากเศรษฐกิจโลกมีการเติบโตในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป จะทำให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ แต่หากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวเร็วเกินไปหรือไม่ฟื้นตัว จะไม่ส่งผลดีกับราคาทองคำ

    ส่วนปัจจัยราคาทองคำในช่วงสิ้นปีนี้ ถึง ไตรมาสที่ 1 ปี 2558 ราคาทองคำจะปรับตัวเป็นขาขึ้นในระยะสั้น จากความต้องการทองคำที่สูงขึ้นในตลาดโลก โดยเฉพาะในประเทศอินเดียที่ซื้อทองคำในช่วงปลายปีถึงต้นปี และมีการผ่อนคลายกฎเกณฑ์ซื้อทองคำให้ง่ายขึ้น รวมไปถึง ปรากฏการณ์ แจนยัวรี่ เอฟเฟค ที่นักลงทุนจะมีการปรับสัดส่วนการลงทุนใหม่ มักจะส่งผลต่อราคาทองคำให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้

    สำหรับความคิดเห็นดังกล่าว สอดคล้องกับดัชนีทองคำเดือนธ.ค.ดัชนีอยู่ที่ 51.72 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 10.58 % เป็นการฟื้นตัวเหนือ 50 จุดครั้งแรกในรอบ 4 เดือน สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองเชิงบวก แต่ราคาทองคำมากขึ้น โดยปัจจัยที่คาดว่า จะมีผลกระทบราคาทองคำในระยะนี้ คือ ค่าเงินดอลลาร์ที่อาจแข็งค่าขึ้น 44.97% ปัจจัยค่าเงินบาท 43.39 % และนโยบายการปรับเพิ่มขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ 39.15%

    สอดคล้องกับดัชนีทองคำในระยะ 3 เดือนที่อยู่ที่ 59.17 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.67% ปัจจัยที่คาดว่า จะเข้ามากระทบกับราคาทองคำในระยะ 3 เดือนพบว่า นักลงทุนทองคำยังกังวลกับทิศทางของค่าเงินดอลลาร์ 46.84% ค่าเงินบาท 43.42% และนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ 39.47% โดยจากการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 378 ตัวอย่างพบว่า นักลงทุนจะเข้าซื้อทองคำในช่วงเดือนธ.ค. 41.78% ไม่แน่ใจ 26.68% และไม่ซื้อทองคำ 31.54%

    สำหรับความคิดเห็นของผู้ค้าทองคำต่อราคาทองคำในเดือนธ.ค. มองว่า ราคาทองคำในตลาดโลกจะอยู่ในกรอบ 1,100-1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีกรอบด้านล่าง 1,100-1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ กรอบบนอยู่ที่ 1,200 -1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ความถี่หนาแน่นอยู่ที่ 1,220-1,240 ดอลลาร์ต่อออนซ์

    นายกมลธัญ กล่าวว่า ส่วนราคาทองคำไทย คาดอยู่ในกรอบ 17,000 - 19,500 บาทต่อบาททองคำ กรอบการเคลื่อนไหวล่างอยู่ที่ 17,000-18,500 บาทต่อบาททองคำ กรอบด้านบนอยู่ที่ 18,500-20,000 บาทต่อบาททองคำ กรอบความถี่หนาแน่น 19,000-19,500 บาทต่อบาททองคำ

    สำหรับการลงทุนทองคำนั้น ให้นักลงทุนรอบเข้าซื้อในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2558 ที่ถือว่า น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของการปรับขึ้นรอบใหม่ เหมาะกับการลงทุนในระยะยาว ส่วนนักลงทุนระยะสั้นยังสามารถซื้อขายในลักษณะเก็งกำไรได้

    Tags : ราคาทองคำ • ศูนย์วิจัย • เฟด • ดอกเบี้ย

    [​IMG]
     

แบ่งปันหน้านี้