หุ้นกลุ่ม"ปตท."ดิ่งยกกลุ่มฉุดดัชนีรวมวูบ15.99จุด ต่างชาติถล่มขายกว่า3.5พันล้านบ. ขณะที่"ปตท.สผ."ต่ำสุดรอบ5ปี "โบรกเกอร์" ประเมินราคาน้ำมันลงทุน 5-10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจะทำให้มูลค่าหุ้นลดลง 5-16 บาทต่อหุ้น พร้อมแนะเกาะติดราคาน้ำมัน เพราะยังมีอิทธิพลต่อภาวะการลงทุน ราคาหุ้นกลุ่มปตท. วานนี้ (9 ธ.ค.) ปรับตัวลดลงแรง โดยหุ้นปตท. (PTT) ปิดตลาดที่ 345 บาท ลดลง 22 บาท คิดเป็น 5.99% มูลค่าการซื้อขายรวม 4.82 พันล้านบาท หุ้นพีทีทีจีซี (PTTGC) ปิดตลาด 55.75 บาท ลดลง 2.25 บาท คิดเป็น 3.88% มูลค่าการซื้อขายรวม 2.02 พันล้านบาท หุ้นปตท.สผ. (PTTEP) ปิดตลาด 122 บาท ลดลง 5 บาท คิดเป็น 3.94% มูลค่าการซื้อขายรวม 1.3 พันล้านบาท ส่วนราคาหุ้นปตท.สผ. เป็นราคาต่ำสุดในรอบ 5 ปี นับจากเดือนเม.ย.2552 หากพิจารณาในส่วนมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) เปรียบเทียบจากวันที่ 8 ธ.ค. กับวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่า มาร์เก็ตแคปหุ้น ปตท. ลดลง 6.3 หมื่นล้านบาท หุ้นปตท.สผ.ลดลง 2 หมื่นล้านบาท และหุ้นพีทีที จีซี ลดลง 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในวันเดียวกัน ดัชนีปิดที่ 1559.56 จุด ลดลง 15.99 จุดคิดเป็น 1.01% มูลค่าการซื้อขายรวม 5.5 หมื่นล้านบาท ส่วนการซื้อขายแยกรายกลุ่ม พบว่า ต่างชาติมียอดขายสุทธิ 3.54 พันล้านบาท สถาบันซื้อสุทธิ 1.18 พันล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 1.2 พันล้านบาท นักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 3.59 พันล้านบาท นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย ที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนลบ รับผลจากราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวลง โดยตลาดหุ้นไทยมีหุ้นในกลุ่มพลังงานนำตลาดขาลง ส่งผลให้ Sentiment โดยรวมแย่ ทั้งที่ดัชนีฯพยายามที่จะดีดกลับก็ยังขึ้นไปไม่ได้ นอกจากนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจญี่ปุ่น และจีนไม่ได้เป็นไปตามที่คาด โดยให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) รวมถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะมีขึ้นในช่วงกลางสัปดาห์หน้า ต้องติดตามดูว่า จะมีประเด็นอะไรที่จะสร้างความคาดหวังให้กับนักลงทุนได้บ้างหรือไม่ แนวโน้มการลงทุนในวันที่ 11 ธ.ค.นี้ นายธนเดช กล่าวว่า ตลาดหุ้นยังมีโอกาสรีบาวด์ขึ้นได้ หลังจากที่ดัชนีปรับตัวลงมา 2 วันซ้อน ซึ่งถือว่าไม่น้อย หากราคาน้ำมันยังปรับตัวลงเรื่อยๆ อาจจะทำให้ตลาดฯปรับตัวลงได้อีกเหมือนกัน โดยแนวรับที่เส้นค่าเฉลี่ย 100 วันไว้ที่ 1,560-1,550 จุด ส่วนแนวต้าน 1,575 จุด ด้านนายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ราคาพลังงานในตลาดโลกที่ปรับลดลงค่อนข้างมาก ส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยค่อนข้างมาก และส่งผลดีต่อธุรกิจส่งออกที่สำคัญ เช่น ก่อสร้าง ขนส่ง เยื่อและกระดาษ อาหาร และที่ได้รับอานิสงส์ทางอ้อม คือ ค้าปลีก และบริการ ส่วนกลุ่มที่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง คือ พืชผลทางการเกษตร เช่น อ้อย มันสำปะหลัง ปาล์ม ยางพารา เป็นต้น นอกจากนี้ มองว่าในระยะต่อไปมีโอกาสที่ไทยจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง เช่นเดียวกับประเทศอื่น เช่น เกาหลีใต้ อินเดีย เพราะเงินเฟ้อต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ยังมีช่องว่างในการเสริมสภาพคล่อง หรือกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระยะต่อไป "กรอบเงินเฟ้อเราอยู่ที่ 1.5-4.5% ตอนนี้เงินเฟ้อของเราอยู่ใกล้กรอบล่างมาก ทำให้มีโอกาสมากที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ทั้งเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย แต่คงไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยกี่ครั้ง"นายกวี กล่าว ส่วนแนวโน้มอัตราแลกเปลี่ยน มองว่า ค่าเงินดอลลาร์จะทยอยปรับตัวแข็งค่าขึ้น หลังจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เริ่มดี และแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงปีหน้าเป็นต้นไป โดยคาดอัตราดอกเบี้ยสหรัฐปีหน้าจะขึ้นไปอยู่ที่ 1.4% จากปัจจุบันอยู่ที่ 0-0.25% ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสหรัฐด้วย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า สุดท้ายตลาดต้องผิดหวังกับผลการประชุมของโอเปก ที่ให้คงการผลิตน้ำมันดิบไว้ที่ระดับเดิม ด้วยเหตุนี้จึงกดดันให้ราคาน้ำมันดิบโลกปรับลดลงแรง โดยทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 4 ปี การลดลงมาอย่างรุนแรงของราคาน้ำมันดิบโลก น่าจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อผู้ประกอบการน้ำมัน โดยเฉพาะหุ้นปตท.สผ และหุ้นปตท. จากการศึกษาเบื้องต้น พบว่า หากมีการปรับลดสมมติฐานราคาน้ำมันในระยะยาวลงทุกๆ 5-11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จะส่งผลให้มูลค่าพื้นฐานของหุ้นปตท. ปรับตัวลดลง 7-12 บาทต่อหุ้น ขณะที่หุ้นปตท.สผ. เนื่องจากผลกระทบของราคาน้ำมันดิบที่ลดลงทุก 5-10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แม้จะส่งผลให้มูลค่าพื้นฐานหายไปจากสมมติฐานเดิม 8-16 บาท Tags : ปตท. • มาร์เก็ตแคป • ดัชนี • กรุงศรี • โบรกเกอร์