เอสเอ็มอีแบงก์ ยื่นขอใช้เงินเพิ่มทุน 2 พันล้าน หลังทำตามเงื่อนไขครบ หวังใช้เป็นฐานทุนปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอี นางสาลินี วังตาล ประธานกรรมการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เปิดเผยว่า ขณะนี้ธนาคารได้ยื่นขอใช้เงินเพิ่มทุน 2 พันล้านบาทไปที่กระทรวงการคลังแล้ว หลังจากที่ธนาคารได้ทำตามเงื่อนไขครบถ้วน ทั้งการสำรวจสถานะกิจการ (ดีลดิลิเจนท์) และการทำแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งธนาคารได้ส่งแผนฟื้นฟูฉบับสมบูรณ์ไปแล้วเมื่อวันที่ 28 พ.ย.คาดว่าจะนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซูเปอร์บอร์ดในปลายเดือนนี้ คาดว่าทางกระทรวงการคลังน่าจะอนุมัติเงินเพิ่มทุนในช่วงไตรมาสแรกปีหน้า “ การขอเบิกเงินเพิ่มทุน 2 พันล้าน ไม่ใช่นำมาเพื่อใช้แก้ปัญหา เพราะปัจจุบันฐานะกิจการก็เดินหน้าไปได้ดี สถานะเงินกองทุน หรือ บีไอเอส (BIS) ล่าสุดอยู่ที่ 7.5% และคาดว่าจะแตะระดับ 8% ได้ แต่เราอยากได้เงินเพื่อมาปล่อยสินเชื่อให้เอสเอ็มอี ซึ่งเป็นพันธกิจหลักของธนาคาร” เธอกล่าวว่า ธนาคารยังอยู่ระหว่างประเมินมูลค่าสินทรัพย์ถาวร ทั้งสำนักงานใหญ่ และสาขาทั้งหมด เพื่อขอเพิ่มเงินกองทุนขั้นที่ 2 ตามเกณฑ์บาเซิล 2 เหมือนกับธนาคารพาณิชย์ จากเดิมที่ธนาคารรัฐ ไม่สามารถนับมูลค่าสินทรัพย์ถาวรเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 2 ได้ ซึ่งจะทำให้สถานะเงินกองทุนของธนาคารเกินระดับ 8.5% ได้ สำหรับแผนฟื้นฟูกิจการฉบับสมบูรณ์ มีสาระสำคัญอยู่ที่การแก้ไขปัญหาหนี้เสีย หรือเอ็มพีแอล การขยายสินเชื่อดี พร้อมสรุปปัญหาขององค์กร แนวทางการแก้ไขปัญหา และทิศทางการดำเนินกิจการต่อไปใน 1 ปีข้างหน้า โดยในส่วนการแก้หนี้เอ็นพีแอลนั้น ล่าสุดคืบหน้าตามแผนที่วางไว้ ประกอบด้วย 1. ลูกหนี้เอ็นพีแอล ที่มีหลักประกัน ซึ่งมียอดคงค้าง 1.1 หมื่นล้านบาท 11,000 ธนาคารได้ประกาศเปิดประมูลขายลูกหนี้ที่มีหลักประกันตั้งอยู่ในเขตภาคตะวันออก เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ที่ผ่านมา กลุ่มนี้มียอดคงค้างประมาณ 500 ล้านบาท โดยมีบริษัทบริหารสินทรัพย์ให้ความสนใจเข้ามาดูข้อมูลหลายราย และจะให้ยื่นราคาซื้อในวันที่ 15 ม.ค. 2558 2. ลูกหนี้เอ็นพีแอล ที่หยุดกิจการและไม่มีหลักประกัน มียอดหนี้คงค้างประมาณ 5 พัน ล้านบาท จากลูกหนี้ จำนวนกว่า 1 หมื่นราย ธนาคารได้ออกประกาศว่าจ้างเอกชนเข้ามาบริหาร มีผู้สมัคร 25 ราย คัดเลือกได้แล้วบ้าง เพื่อให้เข้ามาทำหน้าที่เจรจากับลูกหนี้แล้วเรียกเก็บหนี้ต่อไป นอกจากนั้น ธนาคารได้เซ็นเอ็มโอยู กับกรมบังคับคดี เพื่อให้ทางกรมบังคับคดี ทำหน้าที่เป็นคนกลางเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างธนาคารกับลูกหนี้ไม่มีหลักประกันที่เป็นรายย่อยซึ่งศาลมีคำพิพากษาแล้ว โดยจะเริ่มการเจรจาไกล่เกลี่ยในวันที่ 9 ธค.2557 นี้ สำหรับลูกหนี้ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ส่วนลูกหนี้ตามเขตภูมิภาค จะเจรจาในลำดับต่อไป 3. ในส่วนของลูกหนี้เอ็นพีแอลที่ยังดำเนินกิจการ ธนาคารเร่งทำการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ ทำให้ยอดเอ็นพีแอลลดลงจากระดับ 3.51 หมื่นล้านบาทในช่วงสิ้นมิ.ย. ลดลงเหลือ 3.3 หมื่นล้านบาท ณ สิ้น ต.ค. ในปี 2558 ตั้งเป้าจะขยายสินเชื่อประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ยอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ระดับ 1.2 แสนล้านบาท ประกอบด้วย สินเชื่อ 9 เมนูคืนความสุขเอสเอ็มอี 2 หมื่นล้านบาท และได้ตั้งวงเงินสินเชื่อเพิ่มอีก 2 หมื่นล้านบาท เป็นโครงการพิเศษ “สินเชื่อ SMEs คนดี” เป็นการให้สินเชื่อแก่ลูกค้าเดิมที่มีคุณภาพดีของธนาคาร และลูกค้าใหม่ที่มีศักยภาพ และคาดว่าภายในสิ้นปี 2558 สัดส่วนสินเชื่อรายย่อยที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 15 ล้านบาทจะเพิ่มขึ้นเป็น 80% ของสินเชื่อรวมได้ตามเป้าหมาย Tags : สาลินี วังตาล • เอสเอ็มอีแบงก์ • สินเชื่อ