หุ้นไทยร่วง 22 จุด เหตุข่าวลือปฏิวัติซ้อนท้ายตลาด ขณะที่นายกฯปฏิเสธ พบพอร์ต บล.ขายสุทธิ 1.7 พันล้านบาท ดัชนีตลาดหุ้นไทยเมื่อวันที 8 ธ.ค.2557 ปิดซื้อขายที่ระดับ 1,575.55 จุด ลดลง 22.21 จุด หรือ 1.39% มูลค่าการซื้อขายรวม 61,339.68 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1,603.89 จุด หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ปิดการซื้อขายที่ 12.50 บาท ลดลง 0.30 บาท หรือ 2.34% ถัดมาคือบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS ปิดการซื้อขายที่ 16.60 บาท ลดลง 0.80 บาท หรือ 4.60% และบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ปิดการซื้อขายที่ 250.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 0.81% สำหรับการซื้อขายแยกนักลงทุนรายกลุ่ม พบว่า นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1.78 พันล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 497.86 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 1.47 พันล้านบาท สถาบันซื้อสุทธิ 128.64 ล้านบาท แหล่งข่าวโบรกเกอร์เปิดเผยว่า ในห้องค้าเกิดกระแสข่าวลือช่วงท้ายตลาดกรณีมีการระบุถึงเรื่องปฏิวัติซ้อน ส่งผลให้นักลงทุนตื่นตระหนกและเทขายหุ้น ต่อมาพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวแล้ว นาย อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ เปิดเผยว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงแรงในช่วงท้ายเวลาซื้อขายนั้น มองว่าเกิดจากแรงขายทำกำไรของนักลงทุน ที่ดัชนีปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ 1,600 จุด หลังจากที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลนั้นไม่ได้มีออกมาตามที่คาดหวัง อีกทั้งดัชนีหลุดแนวรับที่สำคัญที่ 1,585 จุดที่ยืนมาอย่างแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา เมื่อหลุดแนวรับสำคัญจึงเกิดความกังวลและเทขายหุ้นออกมาต่อเนื่อง รวมไปถึงมีแรงขายทริกเกอร์ฟันด์ที่จะทริกเกอร์ในช่วงดัชนี 1,600 จุด จำนวน 2 กองทุนมูลค่ารวม 1,280 ล้านบาท น่าจะมีแรงขายออกมาด้วย นอกจากนี้ปัจจัยในตลาดหุ้นต่างประเทศดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐก็เริ่มมีลักษณะของพักฐานเช่นกัน หลังจากที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมา 7 สัปดาห์ติดกัน ทำให้เกิดแรงขายในตลาดหุ้นหลายประเทศ ซึ่งการปรับตัวลดลงในวันนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นครั้งแรกในการขายทำกำไร แต่อย่างไรก็ตามยังเชื่อว่าตลาดหุ้นจะสามารถยืนที่ระดับ 1,600 จุด ได้ในปลายปีนี้ นายกิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ นักวิเคราะห์กองทุน บริษัทมอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) กล่าวว่า กองทุนทริกเกอร์ฟันด์ที่ออกในช่วงหลังจะออกในช่วงเดือนสิงหาคมมีประมาณ 20 กองทุน มูลค่าประมาณ 12,000 ล้านบาท ตั้งเป้าผลตอบแทนประมาณ 6% อายุประมาณ 6-8 เดือน โดยแบ่งผลตอบแทนเป็น 2 ช่วง 3%แรก และ 3% หลัง ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีกองทุนไหนที่บรรลุผลตอบแทนแม้แต่ 3% แรก เพราะ 3 เดือนที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยไม่ไปไหนเลย การที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงไม่น่าเกี่ยวข้องกับทริกเกอร์ฟันด์ "ทริกเกอร์ฟันด์ส่วนใหญ่จะเน้นหุ้นขนาดกลางและเล็ก แต่ละกองถือหุ้นแตกต่างกันไป ไม่น่าจะส่งผลต่อภาพรวมตลาดหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพราะมูลค่าทริกเกอร์ฟันด์ เมื่อเทียบกับมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันก็น้อยกว่ามาก" จากกรณีที่ มีผู้อ้างเป็นเจ้าหน้าที่การตลาด ของบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งได้มีการหลอกลวงนักลงทุนให้ซื้อหุ้นพรี ไอพีโอ มีความเสียหายกับนักลงทุนมากกว่า 30 ราย และวงเงินความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาทนั้น นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าตลาดหลักทรัพย์ได้มีการขอข้อมูลกับบริษัทหลักทรัพย์ ถึงการซื้อขายรูปแบบดังกล่าว และตรวจสอบว่าบุคคลดังกล่าวที่กล่าวอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทหลักทรัพย์ จริงหรือไม่ "ตลาดหลักทรัพย์อยู่ระหว่างการขอข้อมูลกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อตรวจดูว่ามีรายละเอียดอย่างไร ผู้ที่กระทำความผิดเป็นเจ้าหน้าที่นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จริงหรือไม่ ซึ่งหากเป็นจริงผู้ที่เกี่ยวข้องคงมีมาตรการลงโทษกับผู้ที่กระทำความผิดต่อไป " นายนิมิต วงศ์จริยกุล กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นที่เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ของบริษัท เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PSTC เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมกำหนดราคาหุ้นไอพีโอที่ 0.65 บาทต่อหุ้น จำนวน 450 ล้านหุ้น คิดเป็น 20.45% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด พร้อมเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันที่ 19 ธ.ค. นี้ ทั้งนี้ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 คือกลุ่มลูกเขยนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ถืออยู่ 30% Tags : ตลาดหุ้น • ปิดตลาด • เกศรา มัญชุศรี • ปฎิวัติซ้อน • หุ้นร่วงแรง