'ซีแอลเอสเอ'มั่นใจหุ้นไทยขาขึ้น

หัวข้อกระทู้ ใน 'ข่าวสารการลงทุน' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 8 ธันวาคม 2014.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    "ซีแอลเอสเอ" มองตลาดหุ้นอาเซียนรวมไทยปี 58 ยังน่าลงทุน คาดหุ้นไทยยังขึ้นต่อเนื่องสิ้นปีหน้าอยู่ที่ 1,810 จุด

    ปลายปีนี้บรรดานักวิเคราะห์พากันเพิ่มคาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปี 2557 เพราะคาดกันว่าตลาดจะได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ พร้อมคาดการณ์แนวโน้มปี 2558 ว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวที่ระดับ 1,700 จุด และ ปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บล. เครดิตลียองเนส์ ซิเคียวริตี้ส์ เอเชีย หรือ ซีแอลเอสเอ (ประจำประเทศไทย) เป็นหนึ่งโบรกเกอร์ต่างชาติที่ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ตลาดหุ้นไทยเช่นกันและปรับเพิ่มดัชนีสิ้นปีหน้าไว้สูงถึงระดับ 1,800 จุด พร้อมเพิ่มน้ำหนักตลาดหุ้นอาเซียนหลายแห่งเหนือเกณฑ์เฉลี่ย

    โดยปริญญ์ให้มุมมองภาพรวมตลาดหุ้นอาเซียนรวมไทยในปีหน้าว่า ยังให้น้ำหนักลงทุนเหนือเกณฑ์เฉลี่ยตลาดหุ้นอาเซียน โดยชื่นชอบตลาดหุ้นไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย เป็นพิเศษ โดยเครดิตลียองเนส์ ซิเคียวริตี้ส์ เอเชียให้น้ำหนักลงทุนเหนือเกณฑ์เฉลี่ยแก่ตลาดอาเซียนทั้ง 4 ประเทศข้างต้น แต่ลดน้ำหนักลงทุนต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ย สำหรับตลาดหุ้นเกาหลีใต้กับไต้หวัน เพราะตลาดหุ้นทั้งสองประเทศไม่มีภาพในประเทศที่ดีหรือน่าสนใจ

    เขามองว่าปีหน้าน่าจะเป็นปีที่หุ้นไทยขึ้นได้อีกมาก ถ้าสภาพคล่องทั่วโลกมีอีกมาก ซึ่งเขามองจาก 2 ประเด็น ประเด็นแรกเศรษฐกิจสหรัฐแม้ขึ้นดอกเบี้ยในไตรมาส 3 แต่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ดีจริงเดียวดีบ้างไม่ดีบ้าง ตัวเลขภาคการผลิต ภาวะจ้างงานดีขึ้นแล้ว แต่คงจะไม่ดีพอที่จะขึ้นดอกเบี้ยได้เร็ว และทำให้การปรับขึ้นดอกเบี้ยโดยเร็วทำได้ยาก

    ประเด็นที่สองทางยุโรปเศรษฐกิจยังซึม บวกกับมีสภาวะเงินฝืด ต้องมีการกระตุ้นอีกรอบหรือสองรอบ นายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) เป็นอดีตนายธนาคารเก่าก็ต้องหาวิธีกระตุ้นเศรษฐกิจ แสดงว่าต้องขยายการซื้อสินทรัพย์ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ต้องขยายประเภทสินทรัพย์ที่เข้าซื้อให้มากขึ้น อาจถึงขั้นให้เยอรมนีแก้ไขรัฐธรรมนูญยอมให้อีซีบีพิมพ์เงินออกมา

    ขณะที่ญี่ปุ่นได้เห็นแล้วว่า เกิดคิวอีรอบที่ 2 และคิดว่ารอบ 3 ก็ต้องเกิด ถ้านายชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรี ชนะการเลือกตั้งกลับมาได้อีก ต้องหาวิธีขึ้นภาษีการขายและภาษีมูลค่าเพิ่ม ขึ้นเพราะหาทางจะกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่ 3 ส่วนจีนก็มีการลดดอกเบี้ย จึงมีโอกาสที่จีนจะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

    ทั้งนี้เขายอมรับว่าจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกดูยังไม่ค่อยดี จึงทำให้มีสภาพคล่องเข้ามากระตุ้น ในภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่ดูไม่สวยงาม ทำให้ผู้กำหนดนโยบายของแต่ละประเทศหรือแต่ละภูมิภาค ต่างพร้อมมีกระสุนที่จะยิงมากระตุ้นกลายเป็นสนับสนุนกลุ่มคนที่กล้ารับความเสี่ยงได้ก็จะได้เปรียบ คนที่รวยขึ้นจะไม่ใช่ประชากรทั่วไปหรือรากหญ้า แต่พวกที่กล้าลงทุนก็จะได้เม็ดเงินที่อัดฉีดมากขึ้น

    ปริญญ์บอกว่าแม้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกดูเหมือนพื้นฐานไม่ดี แต่ความไม่ดีทำให้สินทรัพย์ราคาปรับขึ้นได้ เพราะคนเชื่อว่าสภาพคล่องเต็มมีอยู่ทั่วโลก นักลงทุนรายย่อยในไทยเองกำไรจากหุ้นเล็กหุ้นกลางมาก หุ้นใหญ่ขึ้นได้อีกจากเงินที่ผู้คนเข้ามาลงกองทุนประหยัดภาษี ทั้งแอลทีเอฟและอาร์เอ็มเอฟที่คนยังไม่ซื้อ ปีหน้ารัฐบาลดำเนินนโยบายภาครัฐจริงจังก็น่าจะช่วยตลาดหุ้นคึกคักได้

    เออีซีหนุนตลาดหุ้นคึก

    ปริญญ์มองว่าสภาพคล่องที่ออกมาในตลาดโลก ช่วยหุ้นคึกคักแน่นอน ดูอย่างตลาดจีนยังไม่พิมพ์เงินออกมา แค่ลดดอกเบี้ยและลดปริมาณการกันเงินสำรอง ช่วยให้หุ้นวิ่งวอลุ่มเข้ามาเต็มที่ กลางสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นจีนมีการเทรดเกือบ 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ตลาดอาเซียนปีหน้าน่าจะดีต่อเนื่องจากปีนี้ที่ให้ผลประกอบการโดดเด่นกว่าตลาดหุ้นเอเชียตอนเหนือ ปีหน้าตลาดจีนก็ยังดี แต่ตลาดอาเซียนไปต่อได้ เพราะปีหน้าเปิดเออีซีที่จะมีการร่วมมือกันหลายมิติรวมถึงการค้า จะมีส่วนช่วยกระตุ้นตลาดหุ้นแน่นอน เพราะเป็นเรื่องความรู้สึก และเป็นเรื่องการไหลเวียนเสรีในอาเซียนมากขึ้น การเคลื่อนย้ายของแรงงานมีสภาพคล่องมากขึ้น"

    "ปีหน้าเรามองตลาดหุ้นไทยไว้ถึง 1,810 จุด เป็นโบรกเกอร์มองหุ้นไทยสิ้นปีหน้าไว้สูงสุด เราเคยมองเป้าหมายดัชนีหุ้นเดือนม.ค.ปีนี้ไว้ว่า หุ้นไทยปลายปีนี้ จะอยู่ที่ 1,650 จุด และตอนนี้ก็อยู่ใกล้ระดับนี้ไม่ห่างไกลมาก เป็นการคาดการณ์ก่อนการเมืองแย่แต่พอการเมืองไม่ดีปรับลดคาดการณ์ลงมาเหลือกว่า 1,500 จุด พอการเมืองกลับมาปกติปรับคาดการณ์มาเป็นปกติกลับมาที่ 1,610 จุด และสิ้นปีหน้า 1,810 จุด เป็นการปรับขึ้นถึง 200 จุด"

    เขาอธิบายว่าการปรับขึ้นของหุ้นไทยตามที่คาดการณ์ไว้เป็นไปได้ เพราะมีสภาพคล่องในตลาดโลก เศรษฐกิจไทยปีนี้โตแค่1% ปีหน้าจะโตเกือบ4%-5%ได้ เพราะโตจากฐานที่ต่ำและฟื้นแบบวีเชฟ หุ้นกลุ่มพลังงานอย่างปตท.จะปรับขึ้นมาก จากอานิสงส์ที่รัฐบาลกล้าปรับราคาพลังงานอย่างแอลพีจีหรือเอ็นจีวี และหุ้นกลุ่มแบงก์ยังไม่ค่อยให้ผลประกอบการเท่าใดนัก คิดว่ากลุ่มธนาคารปีหน้าเป็นกลุ่มสำคัญช่วยให้ดัชนีขึ้นได้ และกลุ่มสื่อสารอิงกับดิจิทัลอีโคโนมี ทั้งหมดถือเป็น 3 กลุ่มหลักช่วยให้ตลาดขึ้นได้ นอกเหนือจากกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ที่น่าจะได้อานิสงส์จากนโยบายภาครัฐด้วย ทำให้ภาพใหญ่ในปีหน้าควรมีหุ้นกับธุรกิจหลายกลุ่มดูดีมาก

    สไหรับคำแนะนำให้กับนักลงทุนในการปรับพอร์ตนั้น ปริญญ์คิดว่านักลงทุนควรลงทุนในหุ้นที่อิงกับนโยบายภาครัฐ อย่างหมวดก่อสร้างมีหุ้นบางตัวที่มีงบบัญชีดีมูลค่าหุ้นยังถูกอยู่ และชอบธุรกิจเกี่ยวกับคอนซูมเมอร์ ไฟแนนซ์อย่างธนาคารเกียรตินาคิน (KK) อสังหาริมทรัพย์บางตัวที่ดีๆน่าสนใจก็มี อย่างแอลพีเอ็นและเอพีราคาถูกมากและชอบมากที่สุด และชอบจีแลนด์(GLAND) น่าสนใจแม้สภาพคล่องน้อย

    หุ้นตลาดเกิดใหม่น่าลงทุน

    เขาชี้ว่านักลงทุนบางคนกลัวกังวลกับภาวะเศรษฐกิจมหภาคดูไม่แข็งแกร่ง แต่ส่วนตัวเขามองหุ้นเป็นสินทรัพย์น่าลงทุนในปีหน้า ถ้าในต่างประเทศมีหุ้นตลาดเกิดใหม่ยังไม่ค่อยเปิดให้นักลงทุนทั่วไป เช่น อิรัก, ไนจีเรีย, พม่า, บังคลาเทศและเวียดนาม ในปีหน้าเป็นตลาดที่ดีมาก มีช่องให้เติบโตได้อีกมาก อย่างหุ้นสหรัฐอาจขึ้นได้แต่ราคาไม่ถูก

    โดยส่วนตัว ปริญญ์บอกว่าอยากให้กลับเข้ามาลงทุนหุ้นมากๆ ในตลาดโลกมีการพิมพ์เงินทำให้เกิดสภาพคล่องมาก ถ้าลงทุนในหุ้นจริงก็ทำได้ในสัดส่วน 70% หรือเกือบ 80% ของพอร์ตได้ เพราะเชื่อว่าปันผลกับผลตอบแทนจากหุ้นทุนมีแนวโน้มขึ้น และกำไรต่อหุ้นปีหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ 12-14% เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่าจะโต 5-6%อย่างมาก เพราะมีปัญหาการเมืองครึ่งปีแรก ส่วนทองคำในมุมมองของเขาตอนนี้ เหมือนเป็นสินทรัพย์ประเภทหนึ่งไว้เป็นประกันเพื่อความปลอดภัย

    ทั้งนี้ปริญญ์บอกว่า ความกังวลในไทยตอนนี้อยู่ที่การดำเนินนโยบายให้ทันท่วงทีของภาครัฐ ภาครัฐต้องกล้าทำในสิ่งที่ไม่สร้างความนิยมในหมู่ประชาชน กล้าเอาเม็ดเงินอุดหนุนราคาพลังงาน มาใช้ลงทุนเพื่อการศึกษา และในโครงสร้างพื้นฐาน ประเทศพัฒนาได้จริงการศึกษากับโครงสร้างพื้นฐานต้องมาก่อน และรัฐบาลต้องตัดสินใจให้ดีเกี่ยวกับนโยบายด้านการค้าด้วย

    เขายังกล่าวถึงปัจจัยลบมีต่อตลาดหุ้นไทยว่า อยู่ที่โครงการภาครัฐออกช้า ถ้าออกโครงการช้าหรือให้ความสนใจเรื่องไม่ถูกต้อง ทำให้ผู้คนรู้สึกสะดุดได้ อย่างไรก็ตามเขาเชื่อว่าการท่องเที่ยวปีหน้าน่าจะดีขึ้น ถึงแม้กฎอัยการศึกจะเลิกไม่ได้ แต่ก็มีนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาเที่ยวเรื่อยๆ และปีหน้ามีอีโคคาร์เฟสสองการลงทุนเพิ่มขึ้น ดังนั้นในปีหน้าจะเห็นดีมานด์กลับมาในเซคเตอร์ของการลงทุนของรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ที่ตอนนี้ควรเป็นขาขึ้นของธุรกิจเกี่ยวข้องกับยานยนต์ และปีหน้าราคาสินค้าเกษตรน่าจะดีขึ้น กำลังซื้อน่าจะกลับมา การบริโภคปีหน้าจะค่อยกลับมาแต่ไม่โตเร็ว เพราะยังมีหนี้ครัวเรือนสูง แต่ราคาน้ำมันลงช่วยได้

    Tags : ปริญญ์ พานิชภักดิ์ • ซีแอลเอสเอ • ตลาดหุ้น • อาเซียน

    [​IMG]
     

แบ่งปันหน้านี้