เบรกสินเชื่อล็อตใหม่วินด์

หัวข้อกระทู้ ใน 'ข่าวสารการลงทุน' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 5 ธันวาคม 2014.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    ไทยพาณิชย์-กสิกรไทยปฏิเสธปล่อยกู้วินด์เอนเนอร์ยี่ ชี้เป็นการปล่อยให้กับบริษัทร่วมทุนที่วินด์เข้ามาถือหุ้น


    นายอาทิตย์ นันทวิทยา รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ธนาคารไม่ได้มีการปล่อยสินเชื่อให้กับบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้งโดยตรง แต่เป็นการปล่อยกู้ให้กับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมของบริษัท ราชบุรี โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ส่วนบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ ได้เข้ามาถือหุ้นทีหลัง โดยวงเงินกู้อยู่ในหลักพันล้านบาทเท่านั้น แต่โครงการดังกล่าวได้มีการก่อสร้างเสร็จสิ้นและเริ่มเปิดดำเนินการขายไฟให้กับการไฟฟ้าไปแล้วสามารถชำระคืนหนี้ได้แล้ว และยังไม่มีการพิจารณาว่าจะให้เงินกู้ก้อนใหม่ ตามที่เป็นข่าว

    อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวถือเป็นโครงการที่มีศักยภาพในการดำเนินงาน แต่ข่าวที่เกิดขึ้นอาจจะทำให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นหากนายนพพรถูกศาลตัดสินก็จะกระทบกับบริษัทในระยะสั้นเท่านั้น แต่เชื่อว่าหลังจากนี้จะต้องมีการหาผู้ถือหุ้นรายใหม่เข้ามา

    นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าว ธนาคารกสิกรไทยได้ปล่อยสินเชื่อให้บริษัท WINDENERGY HOLDING (WEH) เพื่อทำโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนั้น ธนาคารขอชี้แจงว่าธนาคารไม่ได้มีการให้สินเชื่อกับบริษัทหรือบุคคลที่เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทดังกล่าวตามที่เป็นข่าว อย่างไรก็ดี ธนาคารได้ร่วมสนับสนุนสินเชื่อในบริษัทสองบริษัทที่เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท WEH กับบริษัทในธุรกิจผลิตไฟฟ้าชั้นนำที่เป็นมืออาชีพและมีความชำนาญในด้านนี้เพื่อผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานลม และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ.เรียบร้อยแล้วโดยในการให้สินเชื่อดังกล่าว ธนาคารมีการพิจารณาความเหมาะสมของเงินให้สินเชื่อตามมูลค่าการลงทุน ซึ่งปริมาณสินเชื่อก็ไม่มากตามที่เป็นข่าวและผู้ร่วมลงทุนของบริษัทที่ธนาคารให้สินเชื่อส่งผู้บริหารที่มีความชำนาญร่วมเป็นกรรมการ ตลอดจนมีกลไกในการดูแลความโปร่งใส และการกำกับดูแลกิจการที่ดีอยู่แล้ว

    โครงการของทั้งสองบริษัทที่ธนาคารสนับสนุนสินเชื่อ ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มผลิตกระแสไฟฟ้าส่งให้ กฟผ. ตั้งแต่ปี 2555 และ 2556ตามลำดับ สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องและที่ผ่านมาก็สามารถผ่อนชำระเงินกู้ได้ตรงตามเงื่อนไขตั้งแต่ดำเนินการ โดยไม่ต้องพึ่งพิงทางการเงินจากผู้ถือหุ้น ทั้งสองบริษัทมีความสามารถในการสร้างรายได้และชำระหนี้ยังอยู่ในกรอบที่กำหนดตามสัญญาสินเชื่อ ทั้งนี้ การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมไม่มีความซับซ้อนเชิงเทคนิคในการดำเนินการ ดังนั้นปัญหาของผู้ถือหุ้นจึงไม่น่าจะกระทบต่อกิจการของบริษัทที่ธนาคารสนับสนุนสินเชื่อแต่อย่างใด

    ชะลอปล่อยกู้โครงการใหม่

    นายสุรเดช เกียรติธนากร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการ “เวสต์ ห้วยบง 2” ดำเนินการโดยบริษัท เค.อาร์.ทู จำกัด ส่วนโครงการ “เวสต์ ห้วยบง 3” ดำเนินการโดย บริษัท เฟิร์ส โคราช วินด์ จำกัด มูลค่าการลงทุนสองโครงการรวมกันทั้งสิ้น 13,053 ล้านบาท ซึ่งทั้งสองโครงการมีบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 20% และบริษัท จูบุ อิเล็คทริค เพาเวอร์ โคราช บีวีถือหุ้น 20% ส่วนอีก 60% เป็นการถือหุ้นของบริษัท อีโอลัส พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ จำกัด ถือหุ้นอยู่ 74% และบริษัทเดมโก้อีก 26%ซึ่งที่ผ่านมาเริ่มดำเนินการและชำระคืนหนี้ได้แล้ว

    อย่างไรก็ตามยังมีโครงการอีก 2 โครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและการระดมทุน ซึ่งยอมรับว่าข่าวที่ออกมามีผลต่อการพิจารณาสินเชื่อและอาจต้องชะลอโครงการไปก่อน โดยจะต้องรอดูความชัดเจนอีกครั้ง แต่ทั้งนี้ข่าวที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของตัวบุคคลที่ผู้บริหารบริษัทอาจถูกดำเนินคดี แต่ในแง่ของธุรกิจยังดำเนินการต่อไปได้

    โบรกยันไม่กระทบฐานะแบงก์

    นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซียไซรัส กล่าวว่ากรณีธนาคารที่ปล่อยกู้ Wind Energy Holding ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมเวสต์ห้วยบง 2 และเวสต์ห้วยบง 3 มูลค่าเงินลงทุน 1.27 หมื่นล้านบาท โดยระบุว่าเป็นธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และธนาคารกสิกรไทย(KBANK ) ซึ่งระยะสั้นธนาคารอาจจัดชั้นหนี้เชิงคุณภาพ (ยังไม่เป็น NPL แต่มีความเสี่ยง) ซึ่งอาจนำไปสู่การตั้งสำรองหนี้สูญในอัตรา 20-30% ของมูลหนี้ หรือ 1.8-2.7 พันล้านบาท คิดเป็น 4% ของกำไรทั้งปีของทั้ง KBANK และ SCB ขณะที่ KBANK มีเงินสำรองหนี้สูญสะสม 5 หมื่นล้านบาท SCB มีสำรอง 6หมื่นล้านบาท

    ราชบุรีปัดผลกระทบร่วมทุนวินด์ฯ

    นายพีระวัฒน์ พุ่มทอง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ1 บริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน) เปิดเผยถึงโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ที่บริษัทที่เข้าไปร่วมลงทุนกับทางบริษัทวินด์ เอ็นเนอยี่ ซึ่งมี นายนพพร ศุกพิพัฒน์ ผู้ต้องหาซึ่งหลบหนีหมายจับ เป็นประธานกรรมการและเป็นผู้พัฒนาโครงการ ว่า ปัญหาส่วนตัวของนายนพพร ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อโครงการที่บริษัทเข้าไปร่วมลงทุนทั้งสองบริษัท คือ โครงการ“เวสต์ห้วยบง 3” ดำเนินการโดย บริษัท เฟิร์ส โคราช วินด์ จำกัด “เวสต์ ห้วยบง 2” ดำเนินการโดยบริษัท เค.อาร์.ทู จำกัด ที่ทางบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้งจำกัด (มหาชน) ถือหุ้นอยู่บริษัทละ 20 โดยที่บริษัท อีโอลัส พาวเวอร์ จำกัด ในเครือบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ จำกัด และ บริษัท จูบุ อิเล็คทริค เพาเวอร์โคราช บีวี ร่วมลงทุนในอัตราส่วนร้อยละ 60 และ 20 ตามลำดับ มูลค่าการลงทุนสองโครงการรวมกันทั้งสิ้น 13,053 ล้านบาท เป็นส่วนของบริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง ลงทุน 764 ล้านบาท

    ทั้งนี้โครงการดังกล่าวมีการดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จและจ่ายฟ้าเข้าสู่ระบบไปแล้ว โดย โครงการเวสต์ ห้วยบง3 ขนาดกำลังการผลิต103.5เมกะวัตต์ประกอบด้วยกังหันลมผลิตไฟฟ้าจำนวน 45 ต้น กำลังการผลิตต้นละ 2.3 เมกะวัตต์ จ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2555และโครงการ เวสต์ห้วยบง 2 ขนาดกำลังการผลิต ขนาดกำลังการผลิต 103.5 เมกะวัตต์ประกอบด้วยกังหันลมผลิตไฟฟ้าจำนวน 45 ต้น กำลังการผลิตต้นละ 2.3 เมกะวัตต์ เช่นเดียวกัน จ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเมื่อเดือน กุมภาพันธ์ 2556 โดยทั้งสองโครงการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าประเภท Non-firmสำหรับผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) กับ กฟผ. ระยะเวลา 25 ปี และยังได้รับเงินสนับสนุนค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่ม (Adder) จากกองทุนพัฒนาไฟฟ้า สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สกพ.) จำนวน 3.50 บาทต่อหน่วยเป็นระยะเวลา 10 ปี

    นายพีระวัฒน์ กล่าวว่า ทั้งสองโครงการ บริหารงานในรูปแบบของบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่ โดยที่ผู้ถือหุ้นก็ส่งผู้แทนเข้าไปนั่งเป็นกรรมการจำนวน 5 คน ตามสัดส่วนการถือหุ้น ซึ่งบริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรี มีผู้แทนเข้าไปเป็นกรรมการบริษัทละ1 คน ส่วนนายนพพร ก็มีชื่อเป็นกรรมการในบริษัทเฟิร์ส โคราช วินด์ จำกัด เพียงบริษัทเดียว โดยเมื่อกรรมการมีปัญหาส่วนตัว ก็คงจะต้องมีการส่งคนอื่นเข้ามาเป็นกรรมการแทน

    “ทั้งเวสต์ห้วยบง 2-3 ใช้เงินกู้ประมาณ70% ของเงินลงทุน ซึ่งที่ผ่านมาผลประกอบการของแต่ละบริษัทก็เป็นที่น่าพอใจ เพราะได้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ประมาณ6.50บาทต่อหน่วย โดยที่มีรายได้รวมกันประมาณ2,000ล้านบาทต่อปี คิดเป็นกำไรประมาณ1,000ล้านบาทต่อปี ซึ่งกำไรค่อนข้างดีเพราะโครงการไม่ได้มีต้นทุนในเรื่องของเชื้อเพลิง จึงทำให้ไม่มีปัญหาในเรื่องของการชำระหนี้เงินกู้และทางสถาบันการเงินผู้ให้กู้ ก็ยังไม่ได้มีความเห็นต่อกรณีที่เกิดขึ้นกับคุณนพพรแต่อย่างใด” นายพีระวัฒน์ กล่าว

    นายพีระวัฒน์ กล่าวว่า การเข้ามาลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายของกระทรวงพลังงานที่ส่งเสริมเรื่องของพลังงานทดแทน โดยก่อนที่จะเข้าถือหุ้นก็มีการทำDue Diligence มีการตรวจสอบประวัติ เครดิตที่เกี่ยวกับการเงิน การชำระหนี้ ไม่พบว่ามีปัญหา และดูเรื่องของข้อมูลลมที่มีการวัดอย่าละต่อเนื่องประมาณ 2-3 ปี ในขณะที่มีบริษัท Garrad Hassan Pacific ของออสเตรเลีย ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องของโรงไฟฟ้าพลังงานลม มาเป็นที่ปรึกษา จึงมีความมั่นใจว่าเป็นโครงการที่น่าสนใจที่จะลงทุน

    อย่างไรก็ตามในอนาคต บริษัทไม่ได้มีโครงการที่จะร่วมลงทุนกับทางวินด์ เอ็นเนอยี่ อีกจากกรณีปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งกระทบต่อเรื่องของธรรมาภิบาลในองค์กร

    Tags : ไทยพาณิชย์ • กสิกรไทย • ปล่อยกู้ • สินเชื่อ • วินด์ เอนเนอร์ยี่

    [​IMG]
     

แบ่งปันหน้านี้