"พิชิต" ประธาน บล.เอเชียเวลท์ เสนอตลาดหลักทรัพย์ ปัดฝุ่นแปรรูปเป็นมหาชน ชี้ต้องปรับตัวรับกระแสการแข่งขัน นายพิชิต อัคราทิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเชียเวลท์ เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ควรทบทวนเรื่องของการแปรรูปเป็นบริษัทจดทะเบียนขึ้นมาอีกครั้ง เพราะปัจจุบันตลาดหุ้นทั่วโลกมีการปรับตัวเพื่อรองรับการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ของไทยต้องหันกลับมาทบทวนเรื่องประสิทธิภาพในการบริหารงาน "ตลาดหลักทรัพย์ต้องมีการพัฒนาระบบต่างๆ ให้มากขึ้นเพราะมองว่าการแข่งขันของตลาดหลักทรัพย์โลกเริ่มรุนแรงมาก เกิดการควบรวมตลาดหลักทรัพย์ในหลายแห่ง เบ่งบอกว่าถ้าตลาดหลักทรัพย์ไทยไม่ปรับตัว ทั้งในด้านการทำธุรกรรมต่างๆ ให้ทันสมัยมากขึ้น ตลาดหุ้นไทยจะหดตัวไปเรื่อยๆ จนอยู่ในระดับที่ไม่น่าสนใจลงทุน ดังนั้นการแปรรูปตลาดหลักทรัพย์เป็นบริษัทจดทะเบียนเป็นสิ่งที่น่าจะผลักดันอีกครั้ง ซึ่งในอดีตสมัยที่ผมดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานวิจัยและพัฒนาตลาดทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือก.ล.ต. ได้มีการหยิบยกเรื่องนี้มาพิจารณา ซึ่งในขณะนั้นผมเห็นด้วยที่จะดำเนินการ แต่แล้วเรื่องนี้ก็เงียบไป เวลานี้น่าจะเหมาะสมที่เราจะกลับมาทบทวนกันใหม่" โจทย์ใหญ่ที่ตลาดหลักทรัพย์ต้องพิจารณา คือการยกระดับคุณภาพการให้บริการและเปิดเสรีมากขึ้น แต่การบริหารงานบางอย่างยังเหมือนเดิม ทำให้การเกิดของนวัตกรรมใหม่ๆ ช้าลง และหากพิจารณาจำนวนบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์รวมกับบัญชีกองทุนรวมมีไม่เกิน 3 ล้านคน ไม่ถึง 5 % ของประชากรทั้งประเทศผู้คนจำนวนไม่น้อยยังเข้าไม่ถึงตลาดทุน อีกทั้งตลาดหลักทรัพย์พยายามเข้าถึงผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก หรือ เอสเอ็มอี พวกนี้เข้าไม่ถึงแหล่งทุนสถาบันการเงิน แม้ที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์จะมีความพยายามแต่ยังน้อยมาก นอกจากนี้ตลาดหลักทรัพย์ควรจะเปิดเสรีด้านการแข่งขันของธุรกิจโบรกเกอร์ให้มากขึ้น แม้ที่ผ่านมาเปิดเสรีพอสมควรทั้งในด้านราคาคอมมิชชั่นและจำนวนผู้เล่นในธุรกิจ ทำให้เกิดการแข่งขันจะมีอยู่แต่ยังไม่มากพอที่จะสร้างคุณภาพของการบริการที่ตอบโจทย์ได้ ซึ่งการเปิดเสรีต้องไม่ใช่แค่การแข่งราคา แต่จะให้สร้างบริการใหม่ๆ มากขึ้น สำหรับแนวโน้มของธุรกิจโบรกเกอร์ในปี 2558 การแข่งขันยังรุนแรงต่อเนื่อง ทำให้บริษัทหลักทรัพย์ต้องปรับปรุงคุณภาพการให้บริการมากกว่าการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เพียงอย่างเดียว ซึ่งหากโบรกเกอร์ยังไม่มีการปรับตัวอาจทำให้เกิดการล้มหายไปจากธุรกิจได้ แม้หลายคนมองว่าการแข่งขันในธุรกิจค้าหลักทรัพย์นั้นรุนแรง แต่มองว่าเป็นเรื่องปกติของธุรกิจ ซึ่งถึงจุดหนึ่งการแข่งจะเยอะขึ้น ถ้าผู้ประกอบการรู้จักการปรับตัวและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับนักลงทุนจะช่วยให้ธุรกิจอยู่ได้ โบรกเกอร์ต้องปรับตัวเองให้มีคุณภาพที่ดี เป็นมากกว่าการเก็บค้านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เอเชียเวลท์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันเทคโนโลยี ทำให้ธุรกิจโบรกเกอร์มีการพัฒนาไปมากลูกค้าสามารถเชื่อมต่อตลาดทุนได้ไม่ยาก ไม่เหมือนสมัยก่อนที่พึ่งพาเจ้าหน้าที่นายหน้าค้าหลักทรัพย์ ระบบเหล่านี้ทำให้ต้นทุนทำกิจการต่ำลง ทำให้เกิดการแข่งขันมากขึ้น ส่งผลดีกับนักลงทุนสามารถซื้อขายหุ้นได้ถูกลง ราคาค่าบริการปัจจุบันถูกถึงขนาดที่ทำให้คนล้มหายจากไปธุรกิจได้ ในอดีตมีผู้ประกอบการธุรกิจโบรกเกอร์หยุดกิจการไปพอสมควร เป็นเรื่องธรรมดาของการทำธุรกิจ คนที่ทำมูลค่าเพิ่มได้สูงสุดควรจะอยู่ในตลาดต่อไป เป็นความเสี่ยงที่ดีที่ทำให้อุตสาหกรรม แข็งแรง ผู้เล่นที่ยังอยู่ต้องสร้างความเข้มแข็งมากขึ้น ทั้งนี้บริษัทหลักทรัพย์ของไทยยังมีการปรับตัวของธุรกิจยังมีเกราะกำบังไม่ให้ออกจากธุรกิจแม้จะเป็นสิ่งที่ดีแต่ทำให้เกิดการปรับตัวช้า ท้ายที่สุดผลประโยชน์ตกกับส่วนรวม การแข่งขันที่พอเหมาะจะทำให้การปรับตัวของธุรกิจมุ่งไปสู่นวัตกรรมผลิตภัณฑ์สร้างมูลค่าเพิ่มนักลงทุนมากขึ้นสำหรับเอเชียเวลท์ เราปรับตัวให้สร้างมูลค่าเพิ่มมากกว่าการเป็นตัวกลางซื้อขายหุ้น โดยบล.เอเชียเวลท์ในปี 2558 จะเข้าไปสู่นักลงทุนสถาบันมากขึ้น ปีที่ผ่านมาใช้รายย่อยจำนวนมาก แต่จุดอ่อนคือนักลงทุนสถาบันยังน้อยมาก เราจะเริ่มไปนักลงทุนสถาบันมากขึ้น Tags : พิชิต อัคราทิตย์ • บล.เอเชียเวลท์ • ตลาดหลักทรัพย์ • แปรรูปตลาดหุ้น