แบงก์กรุงเทพเชื่อธุรกิจในจีนโตเกิน 10% ในอีก 2-3 ปี แม้เศรษฐกิจจีนชะลอตัว ยอมรับดอกเบี้ยเงินกู้ลดกระทบมาร์จิน นายสุวัชชัย ทรงวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงเทพ (ประเทศจีน) เปิดเผยว่า แม้ว่าเศรษฐกิจจีนชะลอตัวส่งผลกระทบต่อธุรกิจลูกค้าบ้าง ทั้งการผลิตขายในประเทศและการส่งออก แต่ธนาคารยังเชื่อว่าเป้าหมายการขยายธุรกิจในจีนปีนี้จะอยู่ในระดับเลข 2 หลัก หรือโตเกิน 10% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยพอร์ตสินเชื่อรวมของธนาคารกรุงเทพในขณะนี้ อยู่ที่ 1.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า ธนาคารยังเชื่อว่าจะเติบโตในเลข 2 หลักต่อไป เนื่องจากธนาคารยังถือเป็นธนาคารเล็กในประเทศจีนที่ยังมีโอกาสอีกมาก และในแผนธุรกิจมีอีกหลายแนวทางในการให้บริการรองรับลูกค้า ขณะที่ลูกค้าธนาคารมีความแข็งแรง ทำให้หนี้เสีย หรือเอ็นพีแอลของธนาคารอยู่ในระดับต่ำกว่าอุตสาหกรรมที่อยู่ระดับ 1.2%ของสินเชื่อรวม ส่วนการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางจีน ก็คงมีผลกระทบต่อทั้งตลาด รวมทั้งธนาคารด้วย เพราะทำให้กำไรบางลง ส่วนต่างดอกเบี้ยแคบลง และยังอยู่ในช่วงลอยตัวดอกเบี้ยเงินฝาก จากมีเพดาน 10 % ของดัชนีอ้างอิง (Benchmark) ก็เพิ่มเป็น 20% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ยยิ่งแคบ การแข่งขันมากขึ้น อย่างไรก็ตามธนาคารมีการบริหารความเสี่ยงอยู่แล้ว เขากล่าวว่า ภาพรวมในปีหน้า แม้ธุรกิจได้รับผลกระทบแต่ก็บริหารจัดการได้ อย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับภาวะตลาดด้วย เพราะตลาดจีนมีความผันผวนสูง ซึ่งธนาคารได้ป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยอยู่แล้ว ทั้งการทำแบบทดสอบภาวะวิกฤติ (stress test) ก็มีการทำสมมุติฐานเรื่องการปรับลดลงของอัตราดอกเบี้ยอยู่แล้ว เพราะคาดไว้ว่าจะลดลง แต่เป็นช่วงไตรมาส 2 ของปีหน้า แต่ดอกเบี้ยปรับลงเร็วว่าคาด เป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ตลาด "ปัญหาเศรษฐกิจชะลอในจีน ไม่ได้มองว่าเป็นปัญหา เพราะเป็นไปตามที่รัฐบาลจีนบริหารจัดการ หากรัฐบาลไม่บริหารจัดการแล้วปล่อยให้เศรษฐกิจโตมากๆจะยิ่งน่ากลัวกว่า อย่างไรก็ตามก็ยังคาดว่าเศรษฐกิจจีนในปีหน้าจะเติบโตได้ประมาณ 7%" ในส่วนของนักลงทุนไทยและหลายประเทศในแถบอาเซียนยังให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเมืองเซี่ยงไฮ้ มีหลายอุตสาหกรรม ทั้งอุตสาหกรรมบริการ เพราะเซี่ยงไฮ้กำลังพัฒนาระบบอุตสาหกรรมมาสู่อุตสาหกรรมการบริการมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันเซี่ยงไฮ้มีการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือ ฟรีเทรดโซน เพื่อดึงดูดการลงทุน และยังมีนโยบายพัฒนาเขตหงเฉียว ซึ่งเป็นศูนย์กลางธุรกิจด้านโลจิสติกส์ เพื่อมีสนามบิน และอยู่ใกล้กับรถไฟความเร็วสูง และมีหลายอุตสาหกรรมที่อยากพัฒนา ทั้งธุรกิจโรงพยาบาล โดยการเปิดพื้นที่ให้ต่างชาติมาลงทุนสร้างโรงพยาบาลรักษาโรคเฉพาะทาง รักษาโรคเฉพาะด้าน รวมทั้งอุตสาหกรรมพัฒนาที่อยู่อาศัย การเปิดโรงเรียนนานาชาติ เพราะเขตนี้เดิมเป็นเขตที่ต่างชาติอาศัยอยู่ นายสุวัชชัย กล่าวด้วยว่า ธนาคารกรุงเทพ ได้เตรียมพร้อมเพื่อรองรับการลงทุนเหล่านี้ ให้ความสำคัญกับฟรีเทรดโซน ได้เตรียมความพร้อมมาตั้งแต่ต้นปี ยื่นขอใบอนุญาตเปิดสาขาย่อย และเตรียมเจ้าหน้าที่ไว้หลายด้าน ปัจจุบันได้ใบอนุญาตแล้ว อยู่ระหว่างจดทะเบียนการค้า คาดว่าภายในต้นปีหน้าจะเริ่มดำเนินการได้ โดยธนาคารยังโฟกัสลูกค้าหลักๆ ของเราทั้ง 3 กลุ่ม คือ ลูกค้าไทย เครือข่ายของธนาคารกรุงเทพในต่างประเทศ และลูกค้าท้องถิ่นในจีน ทางด้านนายอดิศร เสริมชัยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า แนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่หลายสำนักเริ่มมองว่าจะเข้าสู่ขาลงในปีหน้าทำให้ผู้ฝากควรหันมาฝากเงินฝากระยะยาวมากขึ้น ธนาคารจึงได้เสนอเงินฝากประจำพิเศษ 15 เดือน ดอกเบี้ย 3.5% ต่อปี เป็นบัญชีสำหรับบุคคลธรรมดา เปิดรับฝากขั้นต่ำ 50,000 บาท ระหว่างวันที่ 1- 31 ธ.ค. 2557 โดยตั้งเป้าหมายระดมเงินฝาก 7-8 พันล้านบาทในสิ้นปีนี้ ส่วนการแข่งขันเงินฝากในขณะนี้ยังไม่มีแนวโน้มที่จะรุนแรงมากนัก จากเศรษฐกิจที่ยังไม่เติบโตเท่าที่ควร ทำให้ความต้องการสินเชื่อไม่มากอย่างที่ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดยสินเชื่อรายย่อยของธนาคารคาดว่าจะปล่อยใหม่ได้ 2.5-2.6 หมื่นล้านบาท และคิดเป็นสินเชื่อเพิ่มขึ้นสุทธิ 1 หมื่นล้านบาท จากฐานสินเชื่อเมื่อต้นปีก่อนอยู่ที่ 6 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้การนำเกณฑ์เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (บาเซิล3) จะทำให้ในอีก 2 ปีข้างหน้าธนาคารพาณิชย์จะหันมาเน้นเงินฝากรายย่อยมากขึ้น เนื่องจากเป็นเงินฝากที่มีความยั่งยืนกว่าเงินฝากนิติบุคคลที่ธนาคารต้องตั้งสำรองในระดับที่สูงกว่า ทำให้ธนาคารซึ่งเป็นธนาคารขนาดเล็กและมีฐานเงินฝากไม่มากนักจึงต้องหันมาเน้นเงินฝากรายย่อยให้มากขึ้น Tags : สุวัชชัย ทรงวานิช • ธนาคารกรุงเทพ • เศรษฐกิจจีน • ดอกเบี้ย