"เมย์แบงก์ กิมเอ็ง" หวังปีหน้าวอลุ่มเทรดเพิ่มหลังเศรษฐกิจฟื้นตัวหนุนกำไร มองหุ้นตลาด เอ็ม เอ ไอ เสี่ยงฟองสบู่ นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ MBKET เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทมองว่าหากปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นจากปีนี้ ตามแนวโน้มเศรษฐกิจไทยจะสามารถเติบโตขึ้นได้ต่อเนื่อง หลังเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ส่วนไตรมาส 4 จนถึงไตรมาส 1 ปีหน้า ก็คาดว่าจะดีขึ้นตามลำดับ "บริษัทหวังว่ากำไรในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นในระดับใกล้เคียงกับปี 2556 หากปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันจะเพิ่มสูงขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งบริษัทตั้งเป้ารักษาส่วนแบ่งการตลาดรวมที่ 11% จาก ณ สิ้นเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา อยู่ที่ 10.58% แต่ส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มของรายย่อยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 16% จาก 14.6% ในปัจจุบัน หากบรรยากาศการลงทุนดีขึ้นตามที่คาดไว้" นายมนตรี กล่าว ส่วนกำไรสุทธิปีนี้ยอมรับว่าน่าจะต่ำกว่าปีก่อนที่ทำได้ 1,421 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการซื้อขายต่อวันที่หดตัวลง โดยคาดว่ามูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันทั้งปีจะอยู่ที่ 46,000 ล้านบาทต่อวัน จากปีก่อนอยู่ที่ 50,000 ล้านบาทต่อวัน แต่หากคิดเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 นี้ ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 55,000 ล้านบาท "เชื่อว่ากำไรสุทธิจะลดลงไม่มากนัก เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจและรายได้จากดอกเบี้ยเข้ามาช่วยหนุนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทั้งปีที่ผ่านมามีรายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจประมาณ 200 ล้านบาท โดยในปีหน้าบริษัทตั้งเป้าว่าจะมีรายได้จากส่วนนี้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ 14-21 ดีล ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมีงานไอพีโอ 5-7 บริษัท ส่วนผลประกอบการยังประเมินได้ยากเนื่องจากเป็นไปตามภาวะตลาด"นายมนตรี กล่าว นายมนตรี กล่าวต่อว่า ขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณการเกิดฟองสบู่ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เนื่องจากมีหุ้นบางตัวมีการซื้อขายแบบเก็งกำไรบนอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (พีอี) ที่สูงกว่าความน่าจะเป็น ทำให้ค่าพีอีของทั้งตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ณ สิ้นเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ขยับขึ้นไปกว่า 65 เท่า และมีอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (พีบีวี) อยู่ที่ 5.72 เท่า โดยแนะนำให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังในการซื้อขาย "บริษัทเป็นห่วงเรื่องการเกิดฟองสบู่ในตลาดเอ็ม เอ ไอ เพราะมีการเก็งกำไรในหุ้นบางตัวอย่างผิดปกติมากเกินไป บางบริษัทซื้อขายบนค่าพีอีเกิน 100 เท่า ขณะที่มีบางส่วนราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้บริษัทอยู่ในภาวะขาดทุน ซึ่งถือว่าไม่สมเหตุสมผล และอาจจะส่งผลเสียต่อภาพรวมได้"นายมนตรี กล่าว นายมนตรี กล่าวว่า ดังนั้นนักลงทุนควรระมัดระวังในการลงทุนใช้ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก แต่ทั้งนี้ในตลาด เอ็ม เอ ไอ ก็ยังมีหุ้นที่มีพื้นฐานดีอยู่ด้วย และปีหน้าจะเริ่มมีการจัดกลุ่มอุตสาหกรรมใน ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้นักลงทุนสามารถเปรียบเทียบมูลค่าหุ้นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น Tags : มนตรี ศรไพศาล • เมย์แบงก์ กิมเอ็ง • ตลาดหุ้น • เศรษฐกิจ • เอ็มเอไอ