พ.อ.วินธัย แจง คสช. เน้นดูแลความสงบ เร่งตรวจสอบกำลังพล เอี่ยว'พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์' หรือไม่ ขณะ สตช.เร่งล่าเสี่ยโจ้หลังพบเบาะเเสซุกเขมร ทางด้าน ป.ป.ช. แจง สอบทรัพย์สิน3ผู้ต้องหา ใน4ข้อหา พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก และในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ว่า การทำงานของกองทัพบก ปัจจุบันถือเป็นหน่วยงานหลักของ คสช. ที่มุ่งเน้นรักษาความสงบเรียบร้อย ดูแลบรรยากาศของบ้านเมือง เพื่อสนับสนุนกระบวนการต่างๆ ของรัฐบาล ให้เดินหน้าไปตามโรดแมป ส่วนกรณีกลุ่มต้านออกมาเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์แสดงออกในพื้นที่ต่างๆ ก็ให้หน่วยทหารในแต่ละพื้นที่ พยายามทำความเข้าใจชี้แจงอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด ตลอดจนแนะนำให้เข้าร่วมเสนอความคิดเห็น ตามกรอบ ตามช่องทางต่าง ๆ ของรัฐบาลอย่างเต็มที่ เพื่อร่วมกันเดินหน้าประเทศ ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ระบุว่า จากข่าวที่มีการระบุว่า นักศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น ถูกจ้างมาให้แสดงสัญลักษณ์ต่อต้านรัฐบาล และ คสช. นั้น เป็นเรื่องที่ผู้รับผิดชอบในกระบวนการสอบสวนจะต้องมีการชี้แจงตามข้อมูลต่อไป ซึ่งเบื้องต้น หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ก็ได้ตั้งสมมติฐานไว้ 2 เหตุผลอยู่แล้วคือ เป็นการแสดงออกโดยเจตนาบริสุทธิ์ กับ ถูกชักจูงจ้างวาน นอกจากนี้ พ.อ.วินธัย ยังกล่าวด้วยว่า ผู้บัญชาการทหารบก เน้นย้ำมาโดยตลอดไม่ให้กำลังพลเกี่ยวข้องหรือกระทำผิดกฎหมาย แต่ในกรณีที่มีการจับกุม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมพวก กระทำผิดกฎหมายจำนวนมากนั้น ทางกองทัพก็จะต้องมีการตรวจสอบว่ามีกำลังพลไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ยอมรับอาจมีบ้างเพียงส่วนน้อยเท่านั้น สตช.เร่งล่าเสี่ยโจ้หลังพบเบาะเเสซุกเขมร พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และในฐานะรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า จากกรณีที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะมอบเงินรางวัล 1 ล้านบาท ให้กับผู้ที่แจ้งเบาะแสจนนำไปสู่การจับกุม นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ เสี่ยโจ้ นักธุรกิจที่มีอิทธิพลและหลบหนีคำพิพากษาศาลจังหวัดปัตตานีในคดีการปลอมแปลงเอกสารตราประทับ นั้น ล่าสุด มีบุคคลได้แจ้งถึงเบาะแสความคืบหน้าสำหรับกรณีดังกล่าวแล้วนั้น ว่าผู้ต้องหาคนดังกล่าวได้หลบหนีวนเวียนอยู่ที่ประเทศกัมพูชาแต่อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงต้องทำการตรวจสอบอีกครั้งว่าเบาะแสทั้งหมดที่ได้รับการแจ้งนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ โดย วันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้มีการนัดหมายในเรื่องของการจะไปทำการบุกค้นทรัพย์สินต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดีของขบวนการ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. ป.ป.ช.แจงสอบทรัพย์สิน3ผู้ต้องหาคดีพงศ์พัฒน์4ข้อหา นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้มีการตรวจสอบทรัพย์สินในเชิงลึกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดี จับกุม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางกับพวก จำนวน 3 คน ที่ได้มีการยื่นบัญชีทรัพย์สิน ว่าทรัพย์สินที่มีเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับคดีหรือไม่หรือ ตั้งใจปกปิดทรัพย์สินหรือไม่ รวมถึง ร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ด้วย และความผิดทางอาญา ซึ่งได้มีการประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอข้อมูลมาตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว พร้อมกันนี้ นายสรรเสริญ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการเตรียมเสนอ 4 มาตรการเกี่ยวกับมาตรการการป้องกันปราบปรามการทุจริต ว่า กำลังให้เจ้าหน้าที่ดูรายละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากกำลังยื่นขอเสนอแก้ไขกฎหมายของ ป.ป.ช. ส่วนประเด็นที่มีการเสนอความเห็นให้ ป.ป.ช. สามารถยื่นฟ้องได้ทันทีของอนุกรรมาธิการศึกษารายละเอียดเนื้อหารัฐธรรมนูญนั้น เบื้องต้น กรรมการ ป.ป.ช. ยังมีความเห็นเป็น 2 ฝ่าย คือ เห็นด้วย และอีกฝ่าย มองว่า ควรมีการคานอำนาจป้องกันคำครหา ทั้งนี้ ยังกล่าวทิ้งท้ายถึงการพิจารณาไต่สวน ถอดถอนอดีต ส.ส. 268 คน ในประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญเรื่องที่มา ส.ว. นั้น กำลังอยู่ในกระบวนการสอบสวน เนื่องจากมีผู้ถูกร้องจำนวนมาก จึงทำให้มีความล่าช้าเล็กน้อย