บล.เอเซียพลัสรับดัชนีไม่พ้น1,600จุด

บล.เอเซียพลัสระบุหุ้นไทยผ่าน 1,600 จุดยาก หลังมาตรการดับหุ้นร้อน กดวอลุ่มเทรด-ลดแรงเก็งกำไรระยะสั้น

นักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า หลังทางการมีมาตรการสกัดกั้นการเก็งกำไรระยะสั้น จะทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับขึ้นถึงระดับ1,600 จุดได้ยาก เนื่องจากการเก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็กจะลดน้อยลง ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการดังกล่าว ทั้งนี้ หากพิจารณาข้อมูลที่นักวิเคราะห์เชิงปริมาณของฝ่ายวิจัยได้สรุปล่าสุดพบว่า มูลค่าการซื้อขายแต่ละวันที่สูงเฉลี่ย 4-5 หมื่นล้านบาท พบว่ากว่า 52% เป็นหุ้นนอก SET100 แต่เป็นที่สังเกตว่าหุ้นนอก SET100 มีมูลค่าตลาดรวมเพียง 20.8% เท่านั้น และหากพิจารณาหุ้นนอกเซ็ท 50 พบว่ามูลค่าซื้อขายเพิ่มเป็น 65.4% ของมูลค่าซื้อขายแต่ละวัน ขณะที่มูลค่าตลาดรวม 28.9%

ทั้งนี้ การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันขณะนี้ได้สูงถึง 9 พันล้านบาท เทียบกับช่วงต้นปี 2557 เฉลี่ยต่ำกว่า1 พันล้านบาท ซึ่งทำให้มูลค่าตลาดรวม เพิ่มขึ้น 160% เป็น 3.8 แสนล้านบาท ในช่วงเวลา 11 เดือน ขณะที่ผลตอบแทนจากต้นปีจนถึงปัจจุบันพบว่าตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ มีผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 120% หุ้นนอกเซ็ท 100 อยู่ที่ 52% และเซ็ทมีผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 23% ซึ่งทำให้ค่าพี/อี ปัจจุบันของหุ้นในเอ็ม เอ ไอ สูงถึง 60 เท่า ขณะที่หุ้นเกินเซ็ท 100 อยู่ที่ 22-23 เท่า และเซ็ท 17 เท่า

นักวิเคราะห์ กล่าวว่า จากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นการยืนยันถึงภาวะเก็งกำไรที่ร้อนแรงและทำให้ทางการพยายามหามาตรการสกัดกั้นการเก็งกำไร ล่าสุด ก.ล.ต. ทำการปรับปรุงเกณฑ์คำนวณ Turnover List ใหม่ และจะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. 2557

ประเด็นการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ ยังเข้าซื้อสุทธิเบาบาง มียอดซื้อสุทธิสะสมเพียง 1 หมื่นล้านบาท หรือเฉลี่ยวันละ 550 ล้านบาทเท่านั้น ในส่วนของกลุ่มนักลงทุนสถาบันยังคงซื้อสุทธิ สลับขายเบาบางต่อเนื่อง โดยในเดือนที่ผ่านมามียอดซื้อสุทธิสะสมราว 6.2 พันล้านบาท แสดงให้เห็นว่า แรงขายจากทางฝั่งสถาบันมีไม่มาก ส่วนของความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นภูมิภาค เงินทุนยังคงไหลเข้าภูมิภาคต่อเนื่อง โดย ณ 27พ.ย.2557นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิติดต่อกันเป็นวันที่ 8 และเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัวจากวันก่อนหน้า อยู่ที่ 649 ล้านดอลลาร์ ซื้อสุทธิสูงสุดคือ ฟิลิปปินส์ที่ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 ราว 407 ล้านเดอลลาร์ ตามมาด้วยไต้หวัน ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 8 ราว 223 ล้านดอลลาร์ ส่วนอินโดนีเซียยังคงซื้อสุทธิเป็นวันที่ 5 และเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว อยู่ที่ 45 ล้านดอลลาร์ และ ไทยซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ราว 6 ล้านดอลลาร์ สวนทางกับเกาหลีใต้ที่สลับมาขายสุทธิราว 42 ล้านดอลลาร์ หลังจากที่ซื้อสุทธิติดต่อกัน 7 วัน

นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส กล่าวว่า ปัจจัยบวกสำหรับตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ ยังเป็นเรื่องความหวังในแรงซื้อของกองทุนแอลทีเอฟ ในช่วง 1 เดือนสุดท้ายของปี, การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และกำไรบจ.ในปี 2558 นอกจากนั้น Valuation ของตลาดหุ้นไทยยังต่ำเมื่อเทียบกับภูมิภาค แต่ก็พร้อมที่จะมีแรงขายทำกำไรสลับออกมาหลังดัชนีไม่สามารถไปทดสอบระดับสูงสุดเดิมที่ 1,600 จุด

Tags : ดัชนี • นักวิเคราะห์ • ตลาดหุ้น • 1600จุด