"กสิกรไทย" จับมือแบงก์ญี่ปุ่น หนุนเอสเอ็มอีควบรวมมากขึ้น ชี้เอื้อประโยชน์ธุรกิจไทยรับเทคโนโลยีมาต่อยอด นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า วานนี้ (28 พ.ย.) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ได้ลงนามร่วมมือเป็นพันธมิตรกับธนาคารอาโอโซระจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นธนาคารที่มีความเชี่ยวชาญในการเป็นที่ปรึกษาด้านการควบรวมกิจการ (เอ็มแอนด์เอ) โดยความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยนักธุรกิจไทยและญี่ปุ่นที่ต้องการหาพันธมิตรหรือคู่ค้าเพื่อร่วมลงทุน โดยมีการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการร่วมลงทุนระหว่างสองประเทศ “ในปีนี้มีเงินลงทุนจากประเทศไทยญี่ปุ่นเข้ามาในไทยประมาณ 7 หมื่นล้านเหรียญ เทียบกับเงินลงทุนของประเทศไทยทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ2.5 หมื่นล้านเหรียญ ฉะนั้นเงินลงทุนจากญี่ปุ่นจึงเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ช่วยให้เศรษฐกิจไทยเติบโตยิ่งขึ้น” นายปรีดี กล่าว จากการที่ญี่ปุ่นประกาศนโยบาย Thailand+1 โดยให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการลงทุนของธุรกิจญี่ปุ่นที่ต้องการขยายฐานธุรกิจออกนอกประเทศ ทำให้นักธุรกิจญี่ปุ่นสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ควบคู่กับการลงทุนในประเทศอาเซียนอื่น ซึ่งที่ผ่านมานักธุรกิจญี่ปุ่นให้ความสนใจนำเงินทุนเข้ามาตั้งบริษัทในไทยโดยถือหุ้น 100% ในขณะที่บางรายต้องการหาพันธมิตรในการร่วมลงทุน หรือควบรวมกิจการกับธุรกิจของไทย ซึ่งมีความเข้าใจสภาพตลาดในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านดีกว่า ในขณะที่ธุรกิจของไทยก็ต้องการร่วมทุนกับญี่ปุ่นเพื่อขยายธุรกิจ และการได้รับความรู้ด้านการจัดการใหม่ “ในสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีดีลการควบรวมระหว่างบริษัทไทยและญี่ปุ่นอย่างน้อย 1 ดีล ที่จะเสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้ และในอนาคตจะมีดีลต่างๆเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตและบริการ” นายปรีดี กล่าว นายสำมิตร สกุลวิระ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มการขยายสินเชื่อรายใหญ่ในปีหน้าจะสามารถขยายตัวได้ หลังจากที่ในปีนี้ลูกค้าส่วนใหญ่ต่างใช้ความระมัดระวังไม่กล้าลงทุนเพิ่ม และรอภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวในปีหน้า ทั้งนี้เป้าหมายการเติบโตกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่นั้นธนาคารจะตั้งเป้าหมายการเติบโตสูงกว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 1.3-1.4 เท่า หรือประมาณ 4-6% ส่วนแนวโน้มที่ผู้ประกอบการรายใหญ่เริ่มมองหาผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) เพื่อเข้าไปซื้อหรือควบรวมกิจการแทนการขยายธุรกิจด้วยการลงทุนขยายกำลังการผลิต โดยเฉพาะผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจอาหาร และอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการออกไปลงทุนในต่างประเทศ หลังจากที่ตลาดในประเทศเริ่มอิ่มตัวและไม่สามารถขยายต่อไปได้มากนัก ขณะเดียวกันจะเห็นแนวโน้มธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยยังมีต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักลงทุนญี่ปุ่นที่เข้ามาในกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ และอาหาร ซึ่งธนาคารมีการเติบโตของลูกค้าในกลุ่มนักลงทุนญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น โดยสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ที่เข้ามาจากลูกค้าญี่ปุ่นในขณะนี้มีประมาณ 20,000 ล้านบาท เป็นลูกค้าที่มาจากความร่วมมือกับธนาคารท้องถิ่นในญี่ปุ่นกว่า 70-80% Tags : ปรีดี ดาวฉาย • ธนาคารกสิกรไทย • เอสเอ็มอี • ควบรวม