"ก.ล.ต."เผย ต.ค.56-ก.ย.57 เปรียบเทียบปรับผู้กระทำความผิด111ราย ปรับรวม110ล้านบาท พบใช้ข้อมูลภายในเพิ่มขึ้น ภาพรวมการกระทำความผิดของบริษัทจดทะเบียนในระหว่างเดือนต.ค.2556 จนถึงเดือนก.ย.2557 พบว่า บริษัทจดทะเบียนนิยมใช้ข้อมูลภายในเพื่อสร้างประโยชน์ให้ตัวเอง(อินไซเดอร์)เพิ่มขึ้น และมีมูลค่าเปรียบเทียบปรับสูงถึง 110 ล้านบาท นายวสันต์ เทียนหอม รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า แนวโน้มการกระทำผิดเกี่ยวกับหลักทรัพย์ ด้านการใช้ข้อมูลภายในเพื่อประโยชน์ตัวเอง(อินไซเดอร์เทรดดิ้ง)และการสร้างราคา ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เมื่อเปรียบเทียบกับอดีต โดยผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ที่กระทำผิดนั้น มักจะใช้ข้ออ้างในเรื่องการไม่ทราบว่าการดำเนินการดังกล่าวมีความผิดกฎหมาย "ช่วงเดือน ต.ค.2556 - ก.ย.2557 การกระทำความผิดที่สามารถเปรียบเทียบปรับได้ทั้งสิ้น 111 ราย และ ปรับเงินได้จำนวน 110 ล้านบาท โดยความผิดส่วนใหญ่นั้นจะเป็นเรื่องการใช้ข้อมูลภายใน ในการซื้อขายหุ้น และการสร้างราคาหุ้น ทิศทางดังกล่าวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากมีบริษัทเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ ตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ มีจำนวนมากขึ้น ทำให้ผู้บริหารบางส่วนใช้ข้ออ้างว่า ไม่ทราบถึงความผิดดังกล่าว" รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า โดยในลักษณะการกระทำความผิดที่พบว่านั้น ผู้บริหาร หรือคณะกรรมการ มักจะรับทราบถึงข้อมูลของบริษัทที่มีผลเปลี่ยนแปลงต่อบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ และมีการซื้อขายหุ้น ก่อนที่จะมีการประกาศข่าวสำคัญ ล่วงหน้า 2-3 วัน ซึ่งการกระทำรูปแบบดังกล่าว เข้าค่ายความผิด มาตรที่ 57 ของ พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ทั้งนี้รายละเอียดระบุว่า ให้บริษัทที่ออกหลักทรัพย์ ต้องรายงานข้อมูลและเหตุผลต่างๆ ของบริษัท ต่อสำนักงานก.ล.ต. โดยไม่ชักช้าเมื่อมีเหตุการณ์ดังต่อไปนี้เกิดขึ้น ส่งผลให้บริษัทประสบความเสียหายอย่างร้ายแรง บริษัทหยุดประกอบกิจการทั้งหมด หรือบางส่วน บริษัทเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ หรือลักษณะการประกอบธุรกิจบริษัททำสัญญาให้บุคคลอื่นมีอำนาจทั้งหมด หรือบางส่วนในการบริหารงานของบริษัท บริษัทกระทำ หรือถูกกระทำอันมีลักษณะเป็นการครอบงำหรือถูกครอบงำกิจการตามมาตรา ๒๔๗กรณีใด ๆ ที่มี หรือจะมีผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหลักทรัพย์ หรือต่อการตัดสินใจในการลงทุน หรือต่อการเปลี่ยนแปลงในราคาของหลักทรัพย์ของบริษัท ตามที่สำนักงานประกาศกำหนด ทั้งนี้ ในหลักการผู้บริหารบริษัทควรจะไม่มีการซื้อหรือขายหุ้นในช่วงที่จะมีประกาศข่าวสำคัญ ทั้งนี้ในส่วนของก.ล.ต.ได้มีการให้ความรู้เกี่ยวกับเกี่ยวกับกฎหมายที่ใช้บังคับต่างๆ ให้กับผู้บริหารบริษัท และ กรรมการ เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ผ่านการจัดสัมมนา ซีอีโอ ฟอรั่ม ที่มีการจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง สำหรับกระบวนการตรวจสอบการกระทำความผิดนั้น ในแต่ละคดีทางก.ล.ต.มีลำดับขั้นตอนในการทำงาน ไม่ได้นิ่งนอนใจและพยายามเร่งการดำเนินคดีให้มีความรวดเร็วมากขึ้น สำหรับความคืบหน้าของ มาตรการควบคุมหุ้นที่มีความร้อนแรง ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ได้ส่งมาตารการดังกล่าวมาให้กับ ก.ล.ต.ได้พิจารณาแล้ว โดยกระบวนการหลังจากนี้จะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการบริหาร ของสำนักงานก.ล.ต. โดยคาดว่าจะใช้เวลาไม่นานในการพิจารณา โดยในความเห็นนั้น มองว่ามาตรการดังกล่าวมีความเหมาะสม ในการดูแลหุ้นที่มีความร้อนแรง ทั้งนี้ที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้ร่วมกับ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในการกำหนดมาตรการต่างๆ เข้ามาดูแลหุ้นที่มีความร้อนแรงอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว ส่วนการจะเริ่มใช้บังคับเมื่อใดนั้นขึ้นอยู่กับทางตลาดหลักทรัพย์ในการกำหนด Tags : วสันต์ เทียนหอม • ก.ล.ต • อินไซด์ • เปรียบเทียบปรับ