"จัสมิน" เดินหน้าให้ข้อมูล "กองโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์" มูลค่า 5.50-5.77 หมื่นลบ. ลงทุนโครงข่ายใยแก้วนำแสง การจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) ถือเป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต ที่จัดขึ้นเป็นรายแรกในประเทศไทย ที่เน้นลงทุนในทรัพย์สินบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตเป็นหลัก นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) เปิดเผยว่า กองทุน JASIF จะเข้าลงทุนในกรรมสิทธิ์เส้นใยแก้วนำแสง 980,000 คอร์กิโลเมตร โดยจะลงทุนเป็น 2 ส่วน ครั้งแรกในเส้นใยแก้วนำแสง ประมาณ 800,000 คอร์กิโลเมตร ที่บมจ.ทริปเปิลที บรอดแบนด์ (TTTBB) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ JAS จะส่งมอบให้ JASIF วันซื้อขายเส้นใยแก้วนำแสงเสร็จสิ้น ส่วนที่สอง ลงทุนในเส้นใยแก้วนำแสงเพิ่ม ประมาณ 180,000 คอร์กิโลเมตร ที่ TTTBB จะทยอยส่งมอบให้ JASIF ภายใน 2 ปี นับจากวันซื้อขายเส้นใยแก้วนำแสงเสร็จสิ้นโดยจะส่งมอบให้กองปีละ 90,000 คอร์กิโลเมตรในปีที่ 2 และ 3 ตามลำดับ โดยใช้เงินลงทุนส่วนนี้ประมาณ 700 ล้านบาท "ปัจจุบันทรีบรอดแบนด์มีเครือข่ายครอบคลุม 76 จังหวัด มีฐานะลูกค้า 1.6 ล้านราย เท่ากับทีโอที แต่คาดว่าในไตรมาส 3 ตัวเลขของทรีบรอดแบนด์น่าจะแซงทีโอทีขึ้นเป็นอันดับ 2 ได้แล้ว รองจากทรู ปัจจุบันประเทศไทยมีฐานลูกค้าที่ใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงประมาณ 5.1-5.2 ล้านราย คิดเป็นสัดส่วน 25% ของครัวเรือนทั้งหมด ซึ่งยังอยู่ในระดับต่ำและขยายตัวได้อีกมาก หากมองประเทศที่มีรายได้ต่อหัวประชากรใกล้เคียงกับไทยเช่นเม็กซิโกหรือตุรกีมีสัดส่วนการใช้เฉลี่ยสูงกว่า 50% ดังนั้นในช่วง 3-5 ปี ข้างหน้าตลาดโดยรวมยังน่าจะเติบโตไปได้อีกมากน่าจะขยับไปได้ถึง 10 ล้านราย หรือประมาณ 50% ของครัวเรือน หากทรีบรอดแบนด์คงส่วนแบ่งการตลาดที่ระดับ 30% ไว้ได้ ตัวเลขลูกค้า 3 ล้านรายก็เป็นไปได้ไม่ยาก โดยปีหน้าคาดจะมีฐานลูกค้าโตก้าวกระโดดเพิ่มขึ้นอีก 400,000 ราย จากที่โตปกติเฉลี่ยปีละ 200,000 ราย นายวศิน วัฒนวรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจกองทุนรวม บลจ.บัวหลวง จำกัด กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับ 1 ร่างหนังสือชี้ชวนกองทุน JASIF แล้วเมื่อวันที่ 12 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยมี บล.บัวหลวง เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน สำหรับกองทุน JASIF ผู้ประเมินราคาอิสระ 2 ราย ให้ราคาไว้ที่ 69,500 ล้านบาท และ 71,235 ล้านบาท ประมาณการเงินที่นักลงทุนจะได้รับในปีแรกประมาณ 8.59-9.02% จะแบ่งเป็นส่วนของเงินปันผล 7.80%-8.19% และการจ่ายลดทุน 0.80-0.84% อันเนื่องจากสภาพคล่องส่วนเกินที่เกิดจากค่าเช่ารับล่วงหน้า ทั้งนี้ การจ่ายลดทุนจะเกิดเฉพาะ 3 ปีแรกเท่านั้น นอกจากนี้ค่าเช่าที่กองทุนจะได้รับจะเพิ่มขึ้นตามปรับขึ้นตามอัตราการเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ประกาศโดยกระทรวงพาณิชย์ แต่ไม่เกิน 3% ต่อปี ส่งผลให้เงินที่นักลงทุนได้รับในแต่ละปีจะมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น กองทุน JASIF มีจุดเด่นเพราะเส้นใยแก้วนำแสงอายุที่กองทุนจะลงทุน มีอายุการใช้งานมาแล้วเฉลี่ยเพียงประมาณ 4 ปี และวางโครงข่ายไว้ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย นอกจากนี้กองทุนยังมีรายได้ค่าเช่าของกองทุนเติบโตสม่ำเสมอ มีโอกาสจ่ายผลตอบแทนที่น่าสนใจให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน โดยกองทุนจะให้ TTTBB เช่าทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงกลับไปตามสัญญาเช่าหลักเป็นสัญญาเช่าระยะเวลา 11 ปี ประมาณ 80% โดยคิดค่าเช่า 425 บาทต่อคอร์กิโลเมตร และสัญญาเช่ารองอีก 20% โดยจะต่อสัญญาทุก 3 ปี คิดค่าเช่า 750 บาทต่อคอร์กิโลเมตร "คาดว่า ในปี 2558 กองทุนจะสามารถจ่ายเงินให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนได้ 4,962.9 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นในรูปของเงินปันผล 4,501.9 ล้านบาท และการลดทุน 461.0 ล้านบาท" นายวศิน กล่าว นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่าย กล่าวว่า จะมีการเปิดจองซื้อหน่วยลงทุนสำหรับผู้จองซื้อทั่วไปภายหลังจากที่ได้รับอนุมัติจัดตั้งกองทุนจากสำนักงาน ก.ล.ต. โดยหวังว่า จะขายได้ทันในปีนี้ ในเบื้องต้นหน่วยลงทุนที่จะเสนอขายมี 5,500 ล้านหน่วย โดยราคายังไม่กำหนดรอการทำบุ๊คบิวด์อีกครั้ง โดยจะจัดสรรให้นักลงทุนในประเทศ 60% ประมาณ 3,300 ล้านหน่วย โดยให้กับนักลงทุนทั่วไป 806.85 ล้านหน่วย นักลงทุนสถาบัน 660.00 ล้านหน่วย และ JAS 1,833.15 ล้านหน่วย โดยจะกระจายให้นักลงทุนต่างประเทศ 40% หรือ 2,200 ล้านหน่วย โดยสัดส่วนการเสนอขายอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม Tags : จัสมิน • พิชญ์ โพธารามิก • กองโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์