"เกศรา" ชี้ไม่มีแนวคิดปรับเกณฑ์ฟลอร์ซิลลิ่ง มองมาตรการใหม่เหมาะสม โบรกฯ มองมาตรการคุมหุ้นร้อนลดความแรงได้ บรรยากาศการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา ปรากฏว่า มีกระแสข่าว ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะปรับระดับเพดานซิลลิ่ง-ฟลอร์ จากเดิมที่ 30% ให้มีความเข้มงวดมากขึ้น โดยอาจจะมีการปรับเพดานเพิ่มขึ้นโดยสูงกว่าระดับปัจจุบัน นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ไม่มีแผนที่จะปรับลดเกณฑ์ซิลลิ่ง-ฟลอร์ และไม่มีหน่วยงานใดเสนอแนวคิดดังกล่าวเข้ามา โดยเห็นว่าเกณฑ์การควบคุมหุ้นเก็งกำไรใน 3 มาตรการที่จะนำมาใช้ในต้นปี 2558 นั้นถือว่าเหมาะสมแล้ว ทั้งนี้มาตรการที่ตลาดหลักทรัพย์จะนำมาใช้ในต้นปีหน้านั้น จะดูแลในหุ้นที่มีความเคลื่อนไหวผิดปกติ โดยในขั้นตอนแรกหากราคาหุ้นใดที่เคลื่อนไหวผิดปกติ และถูกให้ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมกับนักลงทุน (เทรดดิ้งอะเลิร์ท) และให้ทำการซื้อขายด้วยเงินสดทันที 3 สัปดาห์ และหากครบกำหนดแล้วยังมีความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ จะถูกสั่งให้ ซื้อขายด้วยเงินสดเพิ่มเติมอีก 3 สัปดาห์และเพิ่มความเข้มข้น โดยห้ามนำหลักทรัพย์นั้นเป็นหลักประกันในการซื้อขายหุ้น และหากราคาหุ้นยังมีการเก็งกำไรสูงต่อเนื่อง จะถูกสั่งให้ทำการซื้อขายด้วยเงินสดอีก 3 สัปดาห์ และไม่สามารถชำระราคาได้ภายในวันเดียว ด้านนายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยในปี 2558 ในหุ้นขนาดเล็กมองว่าความร้อนแรงจะปรับตัวลดลงไป หลังจากตลาดหลักทรัพย์ได้ประกาศมาตรการควบคุมหุ้นที่มีความร้อนแรงออกมา แต่จะลดลงในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ในหุ้นขนาดเล็กหลายหลักทรัพย์ โดยเฉพาะในตลาดหุ้นเอ็มเอไอ มีระดับราคาปิดกำไรต่อหุ้น (พี/อี) อยู่ในระดับที่สูงมาก จึงแนะนำให้นักลงทุนเลือกลงทุนหุ้นเป็นรายตัวเท่านั้น ส่วนความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจโลกนั้น ปัจจุบันสภาพคล่องยังมีอยู่ล้นโลก ธนาคารกลางยุโรปมีแนวโน้มจะทำมาตรการอัดฉีดเงินเข้าระบบมากขึ้น นอกจากนี้ ธนาคารกลางของจีนมีความเสี่ยงที่ต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้ง ในระดับ 0.5% และอาจปรับลดเงินทุนสำรองระหว่างประเทศลงมา ซึ่งเม็ดเงินเหล่านี้ต้องไป หาแหล่งลงทุนที่คุ้มค่า แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ยังเป็นความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกคือ การปรับเพิ่มขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของดอกเบี้ยสหรัฐที่อาจปรับเพิ่มขึ้นช้า หรือเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ "ในส่วนความเคลื่อนไหวเงินทุนต่างชาติในระยะสั้น เห็นว่านักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่อง และคาดว่าทั้งปีนี้จะสามารถพลิกกลับมาเป็นซื้อสุทธิได้ ส่วนปี 2558 จุดสำคัญจะเป็นในเรื่องของกฎอัยการศึก ที่เป็นปัจจัยสำคัญหาก ส่วนนี้สามารถยกเลิกได้เร็วอาจส่งผลให้เงินทุนต่างชาติ ไหลเข้ามาตลาดหุ้นไทยมากขึ้นได้" นายอภิชาติ กล่าว ส่วนดัชนีหุ้นปี 2558 จะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก โดยประเมินว่า จีดีพีจะเติบโตได้ในระดับ 4.5% สิ่งดังกล่าวจะผลักดันให้กำไรบริษัทจดทะเบียนปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง โดยเป้าดัชนีในปีหน้าจะอยู่ที่ 1,710 จุด ระดับพี/อีคาดการณ์ล่วงหน้าปี 2559 อยู่ที่ 13 เท่าถือ ว่าไม่สูงเกินไป และการเติบโตกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนอยู่ที่ 15% ส่วนเม็ดเงินกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือแอลทีเอฟ ในช่วงต้นปี อาจมีแรงเทขายออกมาบ้าง ซึ่งในช่วงดังกล่าวมองว่า เป็นจังหวะที่ดีในการลงทุน โดยให้นักลงทุนเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความเสี่ยงต่ำ อย่างในกลุ่มสื่อสาร กลุ่มธนาคาร สำหรับภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้นไทยวานนี้ (26 พ.ย.) ดัชนีปิดที่ 1,591 จุด ลดลง 5.80 จุด คิดเป็น 0.36% มูลค่าการซื้อขายรวม 6.05 หมื่นล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิ 109 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 1.5 พันล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 1.66 พันล้านบาท สถาบันขายสุทธิ 213 ล้านบาท นักวิเคราะห์กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ ปรับตัวขึ้นในระดับสูงสุดที่ 1,599.73 จุด ถือเป็นจุดทดสอบก่อนปรับตัวขึ้นที่ 1,600 จุด ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาเล็กน้อย พร้อมกับรอปัจจัยสนับสนุนใหม่ๆ ส่วนแนวโน้มดัชนีหุ้นน่าจะยังคงผันผวน เพราะยังไม่มีปัจจัยสนับสนุนใหม่ๆ และนักลงทุนรอติดตามผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ในวันที่ 4 ธ.ค. 2557 ที่คาดว่าน่าจะมีผลประชุมที่ออกมาเป็นบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงรอติดตามผลการเลือกตั้งของญี่ปุ่น ที่คาดว่าจะออกมาเป็นบวกต่อตลาดหุ้นเช่นกัน นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทย จะแกว่งตัว ซึ่งก็มีโอกาสเห็นดัชนีทะลุ 1,600 จุดได้ในสัปดาห์ แต่ต้องอาศัยข่าวเชิงบวกหนุน ทั้งปัจจัยภายในประเทศกับการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าจะกล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจในสิ้นปีนี้ถึงปีหน้าอย่างไร แต่ดัชนีสามารถแกว่งตัวในกรอบจำกัดได้เช่นกัน เพราะขาดปัจจัยสนับสนุนจากต่างประเทศ เนื่องจากวันนี้ (27 พ.ย.) ตลาดการลงทุนของต่างประเทศปิดทำการ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า ทำให้ดัชนีขาดประเด็นหนุนสำคัญไป ทั้งนี้ให้นักลงทุนติดตามปัจจัยสัปดาห์หน้า ที่รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ จะเปิดเผยโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมคาด จะเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นระยะสั้น รวมถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) ในวันที่ 17 ธ.ค.นี้ หากมีการลดดอกเบี้ย หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์และหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จะได้รับความสนใจในการเก็งกำไร Tags : เกศรา มัญชุศรี • ตลาดหุ้น • ซิลลิ่ง-ฟลอร์