"กสิกรไทย" เปิดแผนปี 58 ชูยุทธศาสตร์ผู้นำอันดับหนึ่ง"ดิจิทัลแบงกิ้ง" เตรียมยกระดับสู่"ธนาคารแห่งเออีซีบวกสาม" แนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปี 2558 ยังฟื้นตัวอย่างเปราะบาง โดยเศรษฐกิจหลักของโลก มีเพียงสหรัฐที่ฟื้นตัวชัดเจน โดยปีหน้าคาดเศรษฐกิจจะเติบโต 2.7% จากปี 2557 ที่ 2.1% ขณะที่ยุโรป ญี่ปุ่น และจีนยังต้องใช้นโยบายผ่อนคลายในการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ บมจ.ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า สำหรับเศรษฐกิจไทยปีนี้ อาจขยายตัวต่ำกว่า 1.6% หลังจากการส่งออกและการท่องเที่ยวฟื้นตัวล่าช้า แต่ปี 2558 น่าจะขยายตัวในกรอบที่สูงขึ้นมาอยู่ที่ 3.5-4.5% โดยมีการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐเป็นตัวนำ คาดการมูลค่าการลงทุนโดยรวมจะขยายตัวจากปี 2557 ที่ 6% ทั้งนี้ผลกระทบจากการที่ประเทศเศรษฐกิจหลักของโลก ยังฟื้นตัวไม่พร้อมกันคาดมูลค่าการส่งออกไทยปี 2558 ขยายตัว 3.5% การที่เศรษฐกิจหลักของโลก ใช้นโยบายการเงินที่ต่างกัน ส่งผลให้เงินทุนเคลื่อนย้ายในตลาดพันธบัตร มีความผันผวน และส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพค่าเงินได้ แต่ไทยคงได้รับผลกระทบไม่มาก เพราะต่างชาติมีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ไทยไม่มาก 15.9% เมื่อเทียบกับมาเลเซียและอินโดนีเซียที่ถืออยู่ 46.5% และ 37.3% ตามลำดับ สำหรับเหตุการณ์สำคัญที่ทั่วโลกกำลังจับตามอง คือ การเปิดเสรีการค้าในภูมิภาคอาเซียนอย่างสมบูรณ์ในปลายปี 2558 ซึ่งจะสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนเข้ามาในภูมิภาคอาเซียนได้อย่างต่อเนื่อง คาดว่าภาพรวมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 จะขยายตัวกว่า 5.2% และจะเป็นกลุ่มเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของโลก ขณะเดียวกันกลุ่ม AEC+3 (รวมจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้) ซึ่งมีขนาดจีดีพีรวมเป็นสัดส่วน 25% ของจีดีพีโลก จะเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยและภูมิภาค "โดยเฉพาะบทบาทของจีน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักอันดับ 1 ของไทย และกำลังดำเนินนโยบาย "Going Out Policy" คือผลักดันให้ธุรกิจจีนขยายการลงทุนไปต่างประเทศ และบทบาทของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักอันดับที่ 3 ของไทย และมีนโยบาย "Thailand Plus One" คือการใช้ไทยเป็นฐานการผลิตหลักในภูมิภาคอาเซียน แต่ย้ายฐานการผลิตสินค้า หรือชิ้นส่วนที่ใช้แรงงานเข้มข้นไปยังประเทศกลุ่มเพื่อนบ้าน CLMV+I (อินโดนีเซีย) ที่มีข้อได้เปรียบไทยเรื่องต้นทุนและจำนวนแรงงาน" นายปรีดี กล่าวอีกว่า ธนาคารกำหนดเป้าหมายธุรกิจปี 2558 ที่สอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศและภูมิภาค โดยตั้งเป้าเติบโตของเงินให้สินเชื่อโดยรวม 8-9% อัตราส่วนผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (NIM) ที่ 3.5-3.7% มีอัตราส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Non-Interest Income Ratio) ที่ 40% และอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม หรือ NPL ที่ระดับ 2.2-2.3% รวมทั้งตั้งเป้าครองอันดับหนึ่งการเป็นธนาคารหลักของลูกค้าทุกกลุ่ม รักษาตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งด้านดิจิทัลแบงกิ้งและบริการด้านธุรกรรมทางการเงิน และการเป็นธนาคารแห่งเออีซีบวกสาม “AEC+3 BANK” ที่แข็งแกร่งพร้อมรองรับการลงทุน และธุรกรรมข้ามชาติที่จะเพิ่มขึ้นจำนวนมหาศาลในภูมิภาคนี้ นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากเป้าทางธุรกิจของธนาคารปี 2558 ธนาคารได้กำหนดยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้น 4 ด้านสำคัญ เพื่อผลักดันธุรกิจให้ไปสู่เป้าหมายได้สำเร็จ ได้แก่ 1.การเป็นอันดับหนึ่งด้านธนาคารหลักของลูกค้า ในทุกกลุ่มลูกค้า และมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง 2.เน้นย้ำเรื่องบริการที่เป็นเลิศตามแนวคิด "บริการทุกระดับประทับใจ" และการเสริมสร้างตำแหน่งทางการตลาดให้แข็งแกร่ง 3.การเป็นผู้นำ การให้บริการทางการเงินในโลกดิจิทัล และบริการธุรกรรมทางการเงิน และ 4.การเป็นธนาคารแห่งเออีซีบวกสาม “AEC+3 BANK” เพื่อตอบสนองต่อโอกาสทางธุรกิจซึ่งมาจากการเกิดขึ้นของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) รวมถึงโอกาสทางธุรกิจกับจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ หรือ AEC+3 "ปัจจุบันกสิกรไทยมีสำนักงานต่างประเทศในกลุ่มประเทศ AEC+3 และประเทศอื่นๆ รวม 16 แห่ง ในปี2558 จะไปเปิดสาขาเพิ่มที่พนมเปญ รวมทั้งยกระดับสาขาธนาคารในจีนให้เป็นธนาคารท้องถิ่น ซึ่งจะลดข้อจำกัดและทำให้ดำเนินธุรกรรมการเงินในสกุลเงินท้องถิ่นได้ คาดสามารถทำได้ปีหน้า และที่กำลังเตรียมการจัดตั้ง ได้แก่ สำนักงานผู้แทนจาการ์ตาด้วย"นายธีรนันท์ กล่าว นายธีรนันท์ กล่าวเสริมว่า ในปี 2558 ธนาคารตั้งเป้า มีรายได้จากการปล่อยสินเชื่อให้แก่นักลงทุนจีนในไทย 471 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากปีนี้ รายได้จากการปล่อยสินเชื่อให้แก่นักลงทุนญี่ปุ่นในไทย 1,132 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% พร้อมตั้งเป้ายอดธุรกรรมการค้าระหว่างไทย-จีน 396,711 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% ยอดธุรกรรมการค้าระหว่างไทย-ญี่ปุ่น 156,590 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% และมียอดธุรกรรมการค้าระหว่างไทย-อาเซียน 185,668 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% ส่วนเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในจีนปี 2558 คาดว่า จะมียอดธุรกรรมระหว่างประเทศ 8,000 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 60% จากปีนี้มียอดสินเชื่อ 3,750 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 44% และยอดเงินฝาก 4,950 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 106% ส่วนเป้าหมายการดำเนินธุรกิจใน สปป.ลาว คาดมียอดธุรกรรมระหว่างประเทศ 3,000 ล้านบาท มียอดสินเชื่อ 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 150% และมียอดเงินฝาก 250 ล้านบาท "ธุรกิจที่มีแนวโน้มสดใสปี 2558 ได้แก่ วัสดุก่อสร้าง สื่อสารโทรคมนาคม ค้าปลีกสมัยใหม่ และค้าปลีกตามแนวชายแดน ท่องเที่ยวและธุรกิจด้านสุขภาพ และส่งออกสินค้าที่สร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น รถยนต์ สินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่น อาหารแปรรูป ซึ่งธนาคารพร้อมให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ธุรกิจบรรษัทและเอสเอ็มอี รวมทั้งบริการที่รองรับการจับจ่ายใช้สอยของลูกค้ารายย่อย และมั่นใจปี 2558 จะเป็นปีสำคัญที่ธนาคารจะเติบโตอย่างมั่นคง และบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจที่ตั้งไว้แน่นอน" Tags : ปรีดี ดาวฉาย • ธนาคารกสิกรไทย • ดิจิทัลแบงกิ้ง • เออีซี