สคร.เตรียมตั้งเกณฑ์ใหม่ประเมิน 7 รัฐวิสาหกิจ เผยเคลียร์เงินกู้การบินไทยแล้ว ขอรอดูผลงาน หากดีพร้อมเพิ่มทุน นายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า สคร.จะทำเกณฑ์ประเมินผลงานของรัฐวิสาหกิจที่ต้องฟื้นฟูกิจการ 7 แห่งใหม่ โดยถอดเกณฑ์ประเมิน หรือ เคพีไอเดิมออก แล้วใส่การดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูกิจการเข้าไปแทน แล้วมีการติดตามประเมินผลเป็นระยะ เช่นเป็นรายไตรมาส หากผลงานเข้าเป้า ก็พร้อมพิจารณาเรื่องผลตอบแทน หรือการให้ความช่วยเหลือทางการเงินให้ ในส่วนของธนาคารเฉพาะกิจของรัฐทั้ง 2 แห่ง คือ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) นั้น ความช่วยเหลือของกระทรวงคลัง คือการใส่เงินเพิ่มทุน โดยได้กันงบประมาณไว้แล้ว แต่การใส่เงินเพิ่มทุนนั้น คงไม่ใช่ใส่ลงไปให้ทีเดียวทั้งก้อน แต่คงจะทยอยใส่เงินตามเกณฑ์ประเมินผลงานที่จะกำหนดขึ้น ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้ตกลงกันว่าจะใส่เงินเข้าไปในช่วงไหน สำหรับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ความช่วยเหลือจากรัฐคงเป็นเรื่องของการให้เงินอุดหนุนสาธารณะ และหรือการลดภาระหนี้สะสมที่มีอยู่ ซึ่งก็ต้องดูที่ผลการดำเนินงานของแต่ละแห่ง สามารถบริหารงานเพิ่มรายได้เข้ามาได้หรือไม่ “เคพีไอใหม่ที่จะกำหนดขึ้น ต้องยึดตามแผนฟื้นฟูกิจการ สะท้อนผลการดำเนินงานที่แท้จริง และเป็นไปได้ เพื่อสร้างแรงจูงใจในการทำงาน โดยแม้ว่ารัฐวิสาหกิจนั้นๆ จะมีผลขาดทุนอยู่ แต่หากสามารถบริหารงานให้มีรายได้เพิ่มได้ตามเป้า การขาดทุนน้อยลง เราก็จะให้โบนัส อาจจะเป็นโบนัสของพนักงาน และความช่วยเหลือแก้ไขปัญหาขององค์กร เช่นล้างหนี้ หรือเพิ่มทุน แต่หากทำไม่ได้ก็ต้องมีบทลงโทษด้วยโบนัสของเดิม ” อย่างไรก็ตามเกณฑ์การวัดผลงานใหม่จะเริ่มในปีหน้า ดังนั้นการประเมินโบนัสในปีนี้ คงต้องแล้วต่อการพิจารณาของคณะกรรมการ (บอร์ด) ของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง ส่วนของใหม่จะกำหนดชัด จะปันผลตามแผนฟื้นฟูกิจการ กำหนดเป้าหมายการดำเนินงานรายไตรมาส ถ้าทำได้ตามแผน ก็ให้เงินโบนัสไปเลยรายไตรมาสเลย พร้อมทั้งให้เงินเพิ่มทุน แทนที่จะมานั่งรอทั้งปี เขากล่าวต่อว่า ในส่วนของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) นั้น ความช่วยเหลือก็จะมีเรื่องของเงินเพิ่มทุน หรือเงินช่วยเหลือด้านสภาพคล่อง ส่วนที่มาของเงินทุนเดี๋ยวค่อยมาดูกัน แต่ความช่วยเหลือเหล่านี้ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานว่าการบินไทยสามารถปรับปรุงการดำเนินงานให้ดีขึ้นก่อน ดังนั้นในช่วงนี้กระทรวงคลังจึงจะยังไม่ต้องเข้าไปทำอะไร และไม่ต้องค้ำประกันเงินกู้ “ คลังได้เคลียร์กับทางออมสินแล้วว่า กระทรวงคลังจะยังไม่เข้าไปค้ำประกัน ซึ่งตอนนี้การบินไทยก็ยังมีสภาพคล่องในการดำเนินงานอยู่ แต่หากว่าจำเป็นต้องกู้ ก็เป็นเรื่องที่การบินไทยกับออมสินจะเจรจากันตามกระบวนการปกติ แต่หากการดำเนินงานของการบินไทยเป็นไปตามเคพีไอ หรือแผนฟื้นฟู แล้วจำเป็น หรือมีความต้องการให้ใส่เงินเพิ่มทุน หรือ ช่วยเหลือด้านการเงิน คลังก็พร้อม” ทั้งนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา สคร. และอนุกรรมการฟื้นฟูรัฐวิสาหกิจ ในคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซูเปอร์บอร์ด ได้ตรวจเยี่ยมธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เพื่อติดตามความคืบหน้าในการทำแผนฟื้นฟูกิจการ พบว่าในส่วนของเอสเอ็มอีแบงก์ได้ทำแผนฟื้นฟูกิจการคืบหน้าไปมาก แล้วเสร็จกว่า 80-90% ทั้งแผนแก้ไขปัญหาหนี้เสีย หรือเอ็นพีแอล และ การบริหารหนี้ดี พร้อมมีการสร้างกระบวนการปล่อยสินเชื่อใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเดิมขึ้นอีกในอนาคต สำหรับการตรวจเยี่ยมบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) นั้น เท่าที่ดูแผนฟื้นฟูกิจการก็มีความคืบหน้า และสำเร็จไปมาก แต่ก็ต้องมาดูในเรื่องการแยกสินทรัพย์ เช่น เสาโทรคมนาคม เพื่อนำมาตั้งเป็นบริษัทเพื่อทำธุรกิจว่าติดขัดในข้อกฎหมายหรือไม่ มีสินทรัพย์ส่วนใดที่ติดขัดบ้าง หากติดขัดเป็นส่วนใหญ่เช่น ติดขัด 90% เหลือส่วนที่เอามาตั้งบริษัทได้ 10% ก็คงไม่ได้ แต่หากติดขัดในส่วนน้อยแค่ 10% ก็ต้องมาดูกัน ส่วนการควบรวมกิจการกับบริษัท กสท นั้นขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดถึงการควบรวมกิจการกันแต่อย่างใด Tags : กุลิศ สมบัติศิริ • สคร. • การบินไทย • เพิ่มทุน • คลัง