"ไทคอน"เลื่อนขายกองรีทมูลค่า 4.3 พันล้านบาท เป็นธ.ค.จากเดิมคาดพ.ย.ปีนี้ เหตุรอก.ล.ต.อนุญาต นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะจัดตั้งและเสนอขายกองทรัสต์ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (รีท) ได้ภายในเดือน ธ.ค.นี้ มูลค่าระดมทุน 4,300 ล้านบาท โดยจะเป็นการขายแบบที่กองทุนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์นั้นโดยสมบูรณ์หรือซื้อขาดอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุน (ฟรีโฮลด์) 70% และอีก 30% จะเป็นการขายหน่วยลงทุนแบบที่ผู้ซื้อไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์นั้น แต่สามารถเช่าในระยะยาวได้ (ลีสโฮลด์) ทำให้ในปีนี้บริษัทจะรับรู้รายได้จากการขายกองรีทนี้ 70% และอีก 30% จะทยอยรับรู้ไปอีก 30 ปี “จากเดิมบริษัทคาดว่าจะสามารถออกและเสนอขายกองรีทได้ในช่วงเดือน พ.ย. แต่ที่ล่าช้าออกไปเพราะต้องรอทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการอนุมัติแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ในขณะที่ปีหน้าและปีถัดๆ ไปบริษัทก็มีแผนที่จะขายสินทรัพย์เข้ากองรีทเช่นกัน โดยคาดว่าปีหน้าจะขายสินทรัพย์มูลค่าประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท เนื่องจากแต่ละปีบริษัทมีการลงทุนจำนวนมาก จึงต้องการเงินเข้ามาในการพัฒนาโครงการ" นายวีรพันธ์ กล่าว แผนการลงทุนปีหน้า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ที่จะไปลงทุนก่อสร้างคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าในต่างประเทศ คาดว่าจะเริ่มต้นจากประเทศอินโดนีเซีย โดยเป็นการร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัท มิตซุย แอนด์ คัมปนี (เอเชีย แปซิฟิค) หรือ MAP ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เข้ามาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกันผ่านการถือหุ้น 30% ใน บริษัท ไทคอน แมนเนจเม้นท์ จำกัด หรือ ‘TMAN’ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของไทคอน เบื้องต้นคาดว่าจะเป็นลักษณะการตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อเข้าไปลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย “สำหรับงบลงทุนในปีหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ 6,500 ล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนก่อสร้างโรงงานให้เช่าและคลังสินค้า โดยตั้งเป้าว่าปีหน้าจะขยายพื้นที่อีกประมาณ 2.5-3 แสนตารางเมตร ทั้งนี้ งบประมาณลงทุนดังกล่าวยังไม่รวมมูลค่าในการไปลงทุนที่อินโดนีเซีย ซึ่งยังอยู่ระหว่างการประเมินว่าจะต้องใช้เงินลงทุนเท่าไร ส่วนแผนการลงทุนผลิตไฟฟ้าบนหลังคา (โซลาร์รูฟ) บริษัทมีความสนใจที่จะลงทุนเพิ่ม จากปัจจุบันที่ทำแล้วเกือบ 1 เมกะวัตต์ ซึ่งต้องรอให้รัฐบาลมีการประกาศในโครงการโซลาร์รูฟออกมาก่อน” นายวีรพันธ์ กล่าว ผลการดำเนินงานปีนี้คาดว่าจะมีกำไรสุทธิใกล้เคียงกับปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 1,414 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทจะมีการบันทึกกำไรจากการขายกองรีทในช่วงประมาณเดือน ธ.ค. นี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงมากเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากงวด 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรสุทธิเพียง 165 ล้านบาท ในขณะที่รายได้รวมปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 6,300-6,400 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากปี 2556 ที่มีรายได้ 6,681 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบในช่วงต้นปีที่ผ่านมาจากปัญหาการเมือง ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจชะลอตัว และนักลงทุนต่างประเทศก็จะรอในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย แต่ในช่วงไตรมาส 4 ก็เริ่มมีลูกค้าต่างประเทศกลับเข้ามาในการเช่าโรงงานและคลังสินค้ามากขึ้นและน่าจะส่งผลดีต่อเนื่องไปถึงต้นปี 2558 Tags : ไทคอน • วีรพันธ์ พูลเกษ