'บีโอไอ'หวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

หัวข้อกระทู้ ใน 'ข่าวสารการลงทุน' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 21 พฤศจิกายน 2014.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    (รายงาน) "บีโอไอ" หวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดันลงทุนปีหน้า8แสนล้าน

    การลงทุนเป็นปัจจัยหลักสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยหลายฝ่ายกำลังจับตามองเครื่องยนต์ตัวนี้ว่าจะสามารถช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีหน้าได้หรือไม่ ทั้งภาครัฐและเอกชนยังคงคาดหวังให้การส่งลงทุนในปีหน้าขยายตัวได้ 7-8 %

    นายโชคดี แก้วแสง รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า คาดว่าปี 2558 การลงทุนทั้งโลกจะมีมูลค่าประมาณ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ สูงกว่าปีนี้ซึ่งอยู่ที่ 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ และรูปแบบเงินลงทุนเปลี่ยนไป มาจากการลงทุนประเทศกำลังพัฒนามากขึ้นระดับ 39% เพิ่มเป็น 46-47% และเงินลงทุน 1 ใน 5 ของโลกจะเข้าสู่เอเชีย

    ขณะที่อาเซียนการลงทุนเพิ่มขึ้น 6 เท่าในรอบ 15 ปี มูลค่า 1.22 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ครึ่งหนึ่งไปลงทุนสิงคโปร์และใช้สิงคโปร์เป็นฐานลงทุนประเทศอื่น รองลงมาคือ อินโดนีเซียและไทย ส่วนเวียดนามลงไปอยู่อันดับสี่ ทั้งนี้การลงทุนในอาเซียนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ซึ่งไทยจะได้ประโยชน์ด้านนี้ส่วนหนึ่ง แต่คงไม่มากเหมือนอดีตเพราะคู่แข่งเยอะขึ้น

    สำหรับการลงทุนปีนี้ลดลง 10% เทียบกับปีที่ผ่านมา ช่วง 10 เดือนมูลค่า 6.4 แสนล้านบาท จาก 7.9 แสนล้าน และทั้งปี 2556 สูงกว่า1 ล้านล้านบาท ทั้งนี้แม้ตัวเลขลงทุนจะลดลง แต่ไม่ได้หมายความว่าศักยภาพไทยลดลง เพราะไทยเน้นคุณภาพการลงทุนที่เพิ่มขึ้น และไทยมีข้อจำกัดปัจจัยการผลิตหลายอย่าง เช่น ค่าแรง วัตถุดิบบางชนิด ส่วนอุตสาหกรรมเป้าหมายไทยมียอดการลงทุนเพิ่มขึ้น เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ลงทุนไฮเทคมากขึ้น

    คาดว่าทั้งปีการขอส่งเสริมการลงทุนไทยจะแตะระดับ 7แสนล้านบาท อุตสาหกรรมหลักที่เข้ามาก คือ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรและชิ้นส่วน นักลงทุนรายใหญ่ยังคงมาจากญี่ปุ่น มีสัดส่วน 50-60% นักลงทุนจากอาเซียนมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเช่นกัน

    "ต่างชาติจะเลือกลงทุนผลิตภัณฑ์ใดในประเทศใด เช่น อินโดนีเซียจะเน้นลงทุนเพื่อป้อนในประเทศเป็นหลัก ส่วนลงทุนไทยเพื่อส่งออกเป็นหลัก โดยไทยได้เปรียบเรื่องทักษะฝีมือแรงงาน ทำให้ส่งมอบสินค้าได้เร็วกว่าอินโดนีเซีย 1-2 เดือน สะท้อนประสิทธิภาพดีกว่า รวมทั้งญี่ปุ่นใช้ไทยเป็นฐานการลงทุน โดยคงการผลิตชิ้นส่วนที่มีมูลค่าสูง ใช้ไทยเป็นศูนย์ฝึกอบรมและการตลาด และส่งชิ้นส่วนไม่ซับซ้อนให้เพื่อนบ้านผลิต" นายโชคดี กล่าว

    อย่างไรก็ตามรัฐยังต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้น เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์แข่งกับประเทศอื่น หากไม่ลงทุนศักยภาพการแข่งขันจะลดลง คาดว่าหลังประกาศใช้นโยบายใหม่ในปีหน้าจะมีการเข้ามาตั้งโรงงานผลิตสินค้าโทรคมนาคมเรื่องอิเล็กทรอนิกส์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง การผลิตโซลาร์เซลล์ และผลิตชิ้นส่วนยานยนต์เพื่อรองรับโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (อีโคคาร์) ขณะนี้เข้ามาสอบถามบีโอไอหลายราย

    ส่วนการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) วันที่ 25 พ.ย. คาดว่าจะมีการนำโครงการอีโคคาร์ที่เหลือเข้าพิจารณา ยกเว้น โฟล์คที่รอความพร้อมเรื่องเอกสาร รวมทั้งจะมีการพิจารณายุทธศาสตร์การลงทุนใหม่ ยุทธศาสตร์การลงทุนไทยออกไปลงทุนต่างประเทศ ซึ่งจะเสนอให้บูรณาการกระทรวงที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงต่างประเทศ พาณิชย์ อุตสาหกรรม รวมทั้งเพิ่มมาตรการช่วยเหลือด้านภาษี ด้านการสนับสนุนเงินทุน

    ไทยจะใช้ความได้เปรียบในการเป็นฐานการผลิตขนาดใหญ่ของอาเซียน โดยต่อจากนี้บีโอไอจะส่งเสริมนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาตั้งสำนักงานภูมิภาคในประเทศไทยที่เน้นในภาคการผลิต เพื่อเป็นฐานในการเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านที่ตลาดเปิดกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ

    ขณะที่สิงคโปร์จะเน้นหนักในการดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาตั้งสำนักงานภูมิภาคในธุรกิจการเงิน บริการ และการค้า ซึ่งขณะนี้ บีโอไอ ได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ ที่อำนวยความสะดวกให้ต่างชาติเข้ามาตั้งสำนักงานภูมิภาคในไทย เช่น การลดขั้นตอน และระยะเวลาการขอใบอนุญาตต่างๆ การเปิดให้ผู้บริหารชาวต่างชาติเข้ามาทำงานได้ง่ายขึ้น และการลดปัญหาคอร์รัปชัน เป็นต้น

    บีโอไอประเมินแนวโน้มการลงทุนในปี 2558 ว่า ปีหน้าภาคเอกชนจะลงทุนตั้งโรงงานใหม่ หรือขยายโรงงานมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับอัตราการเติบโตของประเทศคู่ค้าหลัก โดยสหรัฐฯ มีเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวพอสมควร แต่ตลาดสหภาพยุโรป (อียู) และญี่ปุ่น ยังไม่ค่อยดี ทำให้ขาดปัจจัยในการดึงดูดให้เอกชนขยายการลงทุน

    บีโอไอ จะนำหลักเกณฑ์การอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนฉบับใหม่ที่จะเริ่มใช้ในปีหน้า ที่มุ่งเน้นให้การสนับสนุนในอุตสาหกรรมที่มีนวัตกรรม และใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ก็อาจทำให้ภาคเอกชนจะต้องใช้เวลาปรับตัว 1-2 ปี เพื่อรอดูความชัดเจน และเตรียมตัวให้เข้ากับหลักเกณฑ์ใหม่ ทำให้คาดว่ายอดการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในปี 2558 จะใกล้เคียงกับปีนี้ในระดับ 7-8 แสนล้านบาท แต่ในปี 2559 คาดว่ายอดการขอรับการส่งเสริมฯจะสูงขึ้นกว่าปี 2558

    "แม้ว่าแนวโน้มยอดการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในปี 2558 จะใกล้เคียงกับปีนี้ แต่บีโอไอจะพยายามเร่งดำเนินงานให้ตัวเลขออกมาดียิ่งขึ้น โดยจะจัดกิจกรรมออกไปโรดโชว์ดึงดูดนักลงทุนในกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน และออกไปเคาะประตูอย่างเจาะจงในแต่ละราย และร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ให้เข้ามาสนับสนุนมากขึ้น เช่นมาตรการเงินทุนอุดหนุนการวิจัย รวมทั้งการพัฒนาบุคลากร เพื่อรองรับในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่จะเข้ามา ตลอดจนการให้สิทธิพิเศษอำนวยความสะดวกในการตั้งโรงงานของกระทรวงอุตสาหกรรม และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)" นายอุดม กล่าว

    นอกจากนี้การแข่งขันดึงดูดนักลงทุนก็จะทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยประเทศไทยได้ยกระดับการดึงดูดนักลงทุนในกลุ่มที่มีนวัตกรรมและใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ทำให้อุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานสูง และมีเทคโนโลยีระดับล่างถึงกลางจะไหลไปยังประเทศเวียดนาม และอินโดนีเซีย ส่วนไทยก็จะก้าวขึ้นมาแข่งขัดแย่งชิงนักลงทุนที่มีเทคโนโลยีระดับกลางถึงสูงกับประเทศมาเลเซีย และสิงคโปร์ ในกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ เครื่องมือแพทย์ อุตสาหกรรมแปรรูปอาหารที่ใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อน

    นางหิรัญญา สุจินัย ที่ปรึกษาด้านการลงทุน รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 23-26 พ.ย. 2557 บีโอไอ และสำนักงานเศรษฐกิจการลงทุน ณ นครเซี่ยงไฮ้ จะนำคณะนักธุรกิจจากเมืองชิงเต่า มณฑลซานตง ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ผลิตยางรถยนต์ ยางรถบรรทุก ผู้ผลิตเครื่องจักร และอุปกรณ์ รวมจำนวนกว่า 50 บริษัท เดินทางมาศึกษาลู่ทางการลงทุนและการร่วมทุนทำธุรกิจในประเทศไทย พร้อมกับเยี่ยมชมนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออก

    Tags : นายโชคดี แก้วแสง • บีโอไอ • หิรัญญา สุจินัย

    [​IMG]
     

แบ่งปันหน้านี้