บอร์ดตลาดฯเพิ่มยาแรงสกัดหุ้นร้อนแรง ตีกรอบหุ้นซื้อขายผิดปกติเกินจริง สั่งห้ามชำระราคาในวันเดียว พร้อมเทรดด้วยเงินสด 3 สัปดาห์ ห้ามใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน มั่นใจแตะเบรกหุ้นร้อนได้ทันที ด้านนักวิเคราะห์มองมาตรการไม่แรงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ หวั่นกลัวเจอแรงเก็งกำไรก่อนมาตรการมีผลบังคับใช้ ที่ประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (19 พ.ย.) ได้ออกมาตรการเพิ่มเติม ในการควบคุมหุ้นที่มีความร้อนแรง หรือการเก็งกำไรจนเคลื่อนไหวผิดปกติ โดยการประชุมครั้งนี้ ได้เพิ่มมาตรการที่เข้มงวดกับหุ้นที่เคลื่อนไหวผิดปกติ และมีราคาซื้อขายเกินปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งสร้างความเสี่ยงให้กับนักลงทุน และระบบการซื้อขายของตลาดหุ้นไทย นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้มีการหารือถึงมาตรการดูแลหุ้นที่มีความผิดปกติ โดยนำมาตรการเดิมที่มีอยู่มาใช้ควบคู่กันให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และมีลำดับขั้นของความเข้มงวดของมาตรการเพิ่มขึ้นตามลำดับ "วิธีดังกล่าว จะช่วยให้การซื้อขายของหุ้นกลุ่มเก็งกำไรลดลงได้กว่า 50% ยืนยันว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนอย่างแน่นอน ซึ่งวิธีการเหล่านี้เป็นการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับนักลงทุนและตลาดหุ้นไทย" นางเกศรา กล่าว ตลาด-ก.ล.ต.เพิ่มมาตรการสกัด ตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา มีการใช้มาตรการต่างๆ ในการดูแลความผิดปกติของหุ้น ได้แก่ มาตรการเทรดดิ้งอะเลิร์ท เพื่อให้บริษัทจดทะเบียนชี้แจงความผิดปกติที่เกิดขึ้น และการสั่งให้มีการซื้อขายหุ้นด้วยเงินสด ขณะเดียวกัน สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ยังได้ปรับหลักเกณฑ์เทิร์นโอเวอร์ลิสใหม่ เพื่อสอดคล้องกับสถานการณ์มากขึ้น ทั้งนี้มาตรการที่ตลาดหลักทรัพย์นำมาใช้นั้น จะดูแลในหุ้นที่มีความเคลื่อนไหวผิดปกติ โดยในขั้นตอนแรก หากราคาหุ้นใดที่เคลื่อนไหวผิดปกติ และถูกให้ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมกับนักลงทุน (เทรดดิ้งอะเลิร์ท) หุ้นนั้นจะให้ทำการซื้อขายด้วยเงินสดทันที 3 สัปดาห์ และหากครบกำหนด 3 สัปดาห์ แล้วยังมีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ จะถูกสั่งให้ซื้อขายด้วยเงินสดเพิ่มเติมอีก 3 สัปดาห์ และเพิ่มความเข้มข้น โดยห้ามนำหลักทรัพย์นั้น ไปเป็นหลักประกันในการซื้อขายหุ้น และหากราคาหุ้นยังมีการเก็งกำไรสูงต่อเนื่อง จะถูกสั่งให้ทำการซื้อขายด้วยเงินสดอีก 3 สัปดาห์ และไม่สามารถชำระราคาได้ภายในวันเดียว ซึ่งเป็นมาตรการที่เข้มงวดที่สุด นอกจากจะใช้หลักเกณฑ์ดังกล่าว กับหุ้นที่เทรดดิ้งอะเลิร์ทแล้ว ยังใช้กับหุ้นที่ถูกอ้างอิงหลักเกณฑ์เทิร์นโอเวอร์ลิส จากก.ล.ต.ด้วย ส่วนมาตรการให้ซื้อขายด้วยเงินสด ในระยะเวลา 6 สัปดาห์ที่มีอยู่ จะยังใช้ควบคู่ไปกัน หลังจากได้ผลสรุปในประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์วานนี้ จะนำมาตรการควบคุมหุ้นที่มีการเก็งกำไรสูงเพิ่มเติม ส่งต่อไปยัง ก.ล.ต.เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณา คาดจะสามารถส่งจากคณะกรรมการได้ภายในเดือนนี้ และจะสามารถเริ่มใช้มาตรการดังกล่าวได้ทัน ในต้นปี 2558 โบรกมั่นใจมาตรการมีประสิทธิภาพ ด้านนางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย เปิดเผยว่า มาตรการควบคุมหุ้นร้อนแรงที่ออกมาเพิ่มเติมนั้น มีลำดับขั้นตอนและเพิ่มความเข้มข้นตามลำดับ และมองว่า เป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพ ช่วยลดความร้อนแรงของหุ้นได้ และจะไม่สร้างผลกระทบกับตลาด เนื่องจากขั้นตอนของมาตรการที่ชัดเจน จากเบาไปหาหนัก เพื่อป้องกันความเสียหายกับนักลงทุน ในส่วนของสมาคมได้หารือกับสมาชิกและออกมาตรการควบคุมวงเงินเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ ช่วยดับความร้อนแรง นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า มาตรการควบคุมหุ้นที่มีความร้อนแรงนั้น มองว่าไม่เหนือจากที่ตลาดหุ้นคาดการณ์ ก่อนหน้านี้กระแสข่าวในห้องค้ามีกระแสข่าวลือ ที่จะออกมาตรการรุนแรงมากกว่า ส่งผลให้ตลาดหุ้นไม่ตอบรับกับข่าวดังกล่าวมากนัก แต่ต้องรอพิจารณาในรายละเอียดของมาตรการอีกครั้งว่าจะออกมาอย่างไร หากนักลงทุนไม่สามารถขายหุ้นได้ภายในวันเดียว อาจก่อให้เกิดความเสียหายกับนักลงทุนได้ แม้มาตรการควบคุมหุ้นที่มีความร้อนแรง และจะมีการบังคับใช้จริงในต้นปีหน้า แต่ในระยะสั้นการเก็งกำไรจะปรับตัวลดลง เป็นผลมาจากการเข้าสู่ช่วงไตรมาสที่ 4 ที่หุ้นขนาดใหญ่จะกลับมาเคลื่อนไหวได้ดีอีกครั้ง เป็นไปตามสภาวะปกติของตลาด แต่สิ่งที่น่าห่วงคือ ในช่วงที่จะใกล้บังคับใช้มาตรการหุ้นขนาดเล็กที่มีการเก็งกำไรสูงอาจกลับมาคึกคักอีกครั้ง ตลาดใช้เทรดดิ้งอะเลิร์ท 98 ครั้ง ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปลายเดือนต.ค. ตลาดหลักทรัพย์ได้ใช้มาตรการเทรดดิ้งอะเลิร์ทไปแล้วทั้งสิ้น 98 ครั้ง สูงกว่าปีก่อน ที่ 64 ครั้ง นอกจากจากนี้มีหุ้นที่ถูกให้ซื้อขายด้วยเงินสดในปัจจุบันอยู่ที่ 54 หลักทรัพย์ สำคัญแสดงสิทธิอีก 7 หลักทรัพย์ สำหรับความเคลื่อนไหวของบริษัท เจ. เอส. พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ เจเอสพี ปิดการซื้อขายที่ 3.34 บาทต่อหุ้น ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.74 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้น 28.46 % โดยนายทนงศักดิ์ มโนธรรมรักษา ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ. เอส. พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ J.S.P เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าการเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ของบริษัท ได้รับการตอบรับที่ดี ส่วนผลการดำเนินงานในปีนี้ นายทนงศักดิ์ คาดว่า รายได้ปี 2558 จะเติบโตมากกว่า 100% จากปีนี้ที่คาดว่าจะทำได้กว่า 2,000 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯมีโครงการรอโอน (BACKLOG) ในปัจจุบันสูงกว่า 7,000 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ในปีหน้าราว 5,000 ล้านบาท ที่เหลือจะทยอยรับรู้ถึงปี2560 Tags : ตลาดหลักทรัพย์ • เกศรา มัญชุศรี • หุ้นร้อน • ภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ • เจเอสพี