'พล.อ.สายหยุด' แถลงย้ำ คณะรัฐบุคคล มีสิทธิ์ที่จะร่างพระบรมราชโองการ รอ ผบ.เหล่าทัพ พิจารณาข้อเสนอ พล.อ.สายหยุด เกิดผล ประธานกลุ่มคณะรัฐบุคคล แถลงข่าวถึงกรณีที่ คณะรัฐบุคคลยื่นหนังสือต่อผู้บัญชาการทหารเหล่าทัพ เพื่อหาทางออกให้ประเทศว่า ตนเองขอยืนยันว่า คณะรัฐบุคคล มีสิทธิ์ที่จะร่างพระบรมราชโองการ พร้อมทั้งนำไปเสนอให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพได้พิจารณา ถ้าหากพิจารณาแล้ว และผู้บัญชาการเหล่าทัพยอมรับ ถือว่าร่างพระบรมราชโองการนั้น เป็นของผู้บัญชาการเหล่าทัพ และให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพเป็นผู้ถวาย และรอรับสนองพระบรมราชโองการ แต่สถานการณ์ความขัดแย้งในบ้านเมืองขณะนี้ อาจมีความแตกต่างกับสมัยอดีตที่ผ่านมาจนทำให้หลายฝ่ายเกิดความกังวลว่า จะมีกลุ่มคนที่ไม่ปฏิบัติตามพระบรมราชโองการนั้น ทั้งนี้ ทางคณะรัฐบุคคล ได้มีข้อเสนอให้มีการจัดตั้ง “กองกำลังสามเหล่าทัพ” เพื่อปกป้องพระบรมราชโองการ หรือป้องปรามคนที่พยายามจะลองของเพื่อให้เห็นความศักดิ์สิทธิ์ของพระบรมราชโองการ เพราะหากจะปล่อยให้มีการเสนอนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 7 ขึ้นมา อีกฝ่ายก็ไม่ยอม และอาจจะเกิดความรุนแรงขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ผู้บัญชาการเหล่าทัพยังไม่พิจารณา และตอบรับข้อเสนอของคณะรัฐบุคคล ฉะนั้นต้องให้เวลาเพื่อไปทำการศึกษาอย่างละเอียด ทั้งนี้ตนหวังว่า จะได้รับคำตอบภายในวันที่ 13-14 พฤษภาคมนี้ ก็จะสามารถนำทูลเกล้าฯ ได้ในวันที่ 14-15 พฤษภาคม ก็จะประกาศพระบรมราชโองการได้ในวันที่ 15-16 พฤษภาคม หรืออาจจะใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ นอกจากนี้ พล.อ.สายหยุด ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า ทหารเป็นที่พึ่งของประชาชน และขอให้รอจนถึงจุดสุดท้ายก่อนแล้วทหารจะออกมา ตนเองก็อยากจะเปรียบเทียบเหตุการณ์ที่ประเทศอียิปต์ก็ยังไม่ถึงจุดสุดท้าย แต่ก็มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ตนก็อยากย้อนถามไปถึงพล.อ.ประยุทธ์ ว่า ทหารเป็นที่พึ่งของประชาชนหมายความว่าอย่างไร ทั้งนี้ เมื่อถามว่าหาก ผบ.ทุกเหล่าทัพ ปฏิเสธข้อเสนอของคณะรัฐบุคล แล้วจะดำเนินการอย่างไรต่อไป พล.อ.สายหยุด กล่าวว่า พวกเราเป็นคนแก่ มีหน้าที่แสดงความคิด และไม่มีอำนาจ แต่หวังว่าจะเป็นการจุดประกายให้กองทัพได้ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง พวกเราไม่ผูกขาดความคิดนี้ เพราะว่าในวันนี้ สังคมยังไม่มีใครเสนอแนวทางที่เหมือนอย่างคณะรัฐบุคคล และไม่ได้หวังว่าจะให้กองทัพทำตามทุกอย่างที่คณะรัฐบุคคลเสนอไป แต่ถ้าทหารไม่กระทำใด ๆ เลย ตนก็ต้องทิ้ง และจะพาภรรยาไปอยู่เมืองนอก หลังจากนั้น ตนก็จะส่งไม้ต่อให้ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เป็นผู้เคลื่อนไหวเรื่องนี้ต่อไป