กสิกรขอธปท.ยืดเวลาร่วมทุนเอสเอ็มอี10ปี

หัวข้อกระทู้ ใน 'ข่าวสารการลงทุน' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 19 พฤศจิกายน 2014.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    กสิกรไทยเตรียมขอธปท.ยืดเวลาร่วมทุนลูกค้าเอสเอ็มอี ผ่านกองทุนเวนเจอร์แคปปิตอลเพิ่มเป็น 10 ปี


    นายพิภวัตว์ ภัทรนาวิก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ปี 2550 ที่ธนาคารได้จัดตั้ง บริษัท ร่วมทุน เค-เอสเอ็มอี จำกัด (K-SME Venture Capital) เพื่อร่วมลงทุนในเอสเอ็มอีของไทย ที่มีศักยภาพและต้องการหาเงินทุนในการขยายธุรกิจ โดยมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการเงินร่วมลงทุน ข้าวกล้า จำกัด (บลท.ข้าวกล้า) เป็นผู้บริหารเงินร่วมลงทุนและพิจารณาคัดเลือกเอสเอ็มอีเพื่อร่วมถือหุ้น จนถึงขณะนี้บลท.ข้าวกล้า ได้พิจารณาเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจเอสเอ็มอีแล้วทั้งสิ้น 19 ราย รวมเป็นเงินลงทุนกว่า 430 ล้านบาท

    อย่างไรก็ตามธนาคารอยู่ระหว่างดำเนินการขอธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เพื่อขยายระยะเวลาการร่วมทุนให้นานขึ้น หรือไม่เกิน 10 ปีจากเดิมที่ธปท.อนุญาตให้ธนาคารร่วมลงทุนในเอสเอ็มอีรายหนึ่งรายใดได้ไม่เกิน 7 ปี ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารจะลงทุนประมาณ 3-5 ปีเท่านั้น แล้วถอนหุ้นออกเมื่อผู้ประกอบการมีความแข็งแรงเพียงพอและเติบโตต่อไปได้ แต่ที่ผ่านมายังมีลูกค้าบางรายที่ยังไม่ได้ถอนหุ้นคืนทั้งหมด ดังนั้นการขยายเวลาดังกล่าว เป็นการเตรียมการรองรับการถอนหุ้นคืนของลูกค้าในภาวะการณ์ในอนาคต ที่อาจมีความไม่แน่นอน

    นายพิภวัตว์ กล่าวว่า ลูกค้าที่ธนาคารได้เข้าไปร่วมทุนจนถึงขณะนี้ สามารถเติบโตและเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอได้แล้ว 3 ราย ได้แก่บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด, บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) และที่เหลืออีก 6 รายได้มีการซื้อหุ้นคืนกลับไปหมดแล้ว ทำให้ปัจจุบันมีลูกค้าที่ธนาคารยังร่วมทุนอยู่ประมาณ 10 รายและมีเงินลงทุนที่สามารถนำไปลงทุนต่อได้อีก 300-400 ล้านบาท ขณะที่แต่ละปีผลตอบแทนจากการลงทุนยังอยู่ในระดับสูงกว่า 10% เนื่องจากเป็นการช่วยเหลือในรูปของเงินทุนที่ทำให้ผลตอบแทนอยู่ในระดับสูงกว่า แตกต่างจากสินเชื่อที่มีหลักประกัน

    ทั้งนี้ธนาคารกสิกรไทยถือเป็นธนาคารพาณิชย์แห่งเดียวที่มีการร่วมทุนแบบเวนเจอร์ แคปิตอล เพื่อช่วยเหลือลูกค้าเอสเอ็มอีที่มีข้อจำกัดทางด้านเงินทุน เน้นเฉพาะลูกค้าสินเชื่อของธนาคารเป็นหลัก เพราะผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เติบโตไปได้ในระดับหนึ่ง จะประสบปัญหาหนี้สินต่อทุนอยู่ในระดับสูง และอาจไม่รับภาระหนี้เพิ่มขึ้นได้ หากเป็นลูกหนี้ที่มีศักยภาพเติบโต

    การเข้ามาช่วยเหลือทางด้านเงินทุน จะช่วยให้ลูกค้าสามารถขยายธุรกิจต่อไปได้ โดยบลท.ข้าวกล้า มีนโยบายที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการบริหารงานประจำวัน แต่จะพิจารณาช่วยเหลือในฐานะพันธมิตรทางการเงินเท่านั้น และเมื่อผู้ประกอบการสามารถสร้างรายได้และเติบโตได้ในระดับหนึ่ง บริษัทก็จะถอนตัวออกมา ทั้งการซื้อหุ้นคืนของผู้ถือหุ้นเดิม หรือการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

    ล่าสุดบริษัทร่วมทุน เค-เอสเอ็มอี ได้ร่วมถือหุ้นในธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพอีก 2 ราย รวมวงเงินลงทุน 49 ล้านบาท ได้แก่ บริษัท ตี๋ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ดำเนินธุรกิจหลักในการรับจัดกิจกรรมและคอนเสิร์ต รับเป็นที่ปรึกษาด้านการตลาดรวม ทั้งธุรกิจการจัดการด้านการตลาดผ่านสื่อดิจิทัลและสื่อออนไลน์ อีกทั้งยังประกอบธุรกิจร้านขายก๋วยเตี๋ยวเรือ “สะบัดเส้น” และร้านอาหารประเภทเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ภายใต้แบรนด์“T24” ตั้งอยู่ในโครงการTHE SENSE ปิ่นเกล้า รวมถึงดำเนินธุรกิจการผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคอีกด้วย โดยบริษัทร่วมทุน เค เอสเอ็มอี เข้าร่วมถือหุ้นในบริษัท ตี๋ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เป็นเงิน 45 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้น 33.83%

    สำหรับ บริษัท ซินโค่ ลิฟวิ่ง จำกัด เป็นอีกหนึ่งธุรกิจออกแบบและจำหน่ายอุปกรณ์ทำสวนภายใต้ตราสินค้า "DOGO" ซึ่งเป็นอุปกรณ์ทำสวนของผู้ใหญ่และเด็ก ได้แก่ บัวรดน้ำเด็ก กระถางและถาด อุปกรณ์ทำสวนเด็กจัดชุด ผ้ากันเปื้อนเด็ก ตลอดจนเมล็ดพันธุ์ผักและดอกไม้ และนำเข้าและจัดจำหน่ายรองเท้าวิ่งแบรนด์ "VIVOBAREFOOT" และ "SKORA" ซึ่งเป็นรองเท้าที่คิดค้นและออกแบบในด้านการสวมใส่เสมือนไม่ใส่รองเท้า(Barefoot Shoes) โดยบริษัทร่วมทุน เค เอสเอ็มอี จำกัด เข้าร่วมลงทุนในบริษัท ซินโค่ ลิฟวิ่ง จำกัด เป็นเงิน 4 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้น31.01%

    ทั้งนี้ในปีหน้าธนาคารยังคงสนับสนุนเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นลูกค้าสินเชื่อของธนาคาร เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนให้กับผู้ประกอบการ โดยมุ่งลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตเพื่อให้ก่อเกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับเอสเอ็มอี ทั้งนี้ ได้กำหนดนโยบายร่วมลงทุนในเอสเอ็มอีแต่ละบริษัท ในสัดส่วนไม่เกิน 50% ของทุนจดทะเบียนภายหลังการร่วมทุน ระยะเวลาการร่วมทุน 3-5 ปี โดยจะให้อิสระในการบริหารกิจการแก่เจ้าของบริษัท และมีนโยบายกระจายความเสี่ยงในการลงทุน โดยจะลงทุนในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งไม่เกิน 1 ใน 3 ของเงินทุนทั้งหมด

    ด้านนางสาลินี วังตาล ประธานคณะกรรมการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(เอสเอ็มอีแบงก์) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีขนาดเล็กเข้ามาขอสินเชื่อตามโครงการสินเชื่อเอสเอ็มอี 9 เมนูจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นการขอสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจในประเทศไม่ดี ทำให้ผู้ประกอบการขายสินค้าได้น้อย จึงขาดสภาพคล่องในการทำธุรกิจ

    ล่าสุดมีผู้ประกอบการมาขอสินเชื่อแล้ว 6.5 พันราย วงเงินรวม 1.1 หมื่นล้านบาท อนุมัติไปแล้ว 4.6 พันราย วงเงินรวม 4.4 พันล้านบาทคาดว่าจะมีผู้ประกอบการมาขอสินเชื่ออีกจำนวนมาก ทำให้โครงการนี้อนุมัติสินเชื่อได้เต็มวงเงินรวม 1.9 หมื่นล้านบาทก่อนกำหนด หรือภายใน 6เดือน จากเดิมคาดว่าจะให้สินเชื่อเต็มวงเงินภายในสิ้นปี 2558

    เธอกล่าวต่อว่า เอสเอ็มอีแบงก์ได้ลงนามความร่วมมือ ส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการเอสเอ็มอี กับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.) โดยส.อ.ท.จะเข้ามาเสริมในเรื่องข้อมูลของผู้ประกอบการในภูมิภาคต่างๆ ว่าส่วนใดบ้างที่ต้องการสินเชื่อ แล้วจะประสานงานกันสาขาของธนาคารในจังหวัดต่างๆ เพื่อพิจารณาการให้สินเชื่อ

    Tags : ธนาคารกสิกรไทย • ลูกค้าเอสเอ็มอี • ธปท. • กองทุนเวนเจอร์แคปปิตอล

    [​IMG]
     

แบ่งปันหน้านี้