"นกแอร์-บาฟส์" เผยกฎเคอร์ฟิวกระทบธุรกิจน้อย หวังการเมืองคลี่คลายหนุนการเติบโตในครึ่งปีหลัง พร้อมยืนแผนลงทุนตามเดิม หลังการประกาศกฏเคอร์ฟิว ทำให้เกิดความกังวลว่า จะกระทบกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่จะเดินทางมาไทย และกระทบกับการเดินทางของประชาชนในประเทศ ซึ่งย่อมกระทบต่อธุรกิจของกิจการที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง โดยเฉพาะกลุ่มการขนส่งทางอากาศ หรือกลุ่มธุรกิจสายการบิน จากการเปิดเผยของ นายปัญญา ชุติสิริวงศ์ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท สายการบินนกแอร์ (NOK) กลับมองว่า ผลกระทบจากปัญหาทางการเมือง เป็นผลกระทบชั่วคราว โดยก่อนหน้านี้ จำนวนผู้โดยสารก็ฟื้นตัวจากช่วงต้นปี แม้หลังประกาศเคอร์ฟิว จำนวนผู้โดยสารลดลงบ้าง แต่ไม่ถึง 10% และอัตราการบรรทุกผู้โดยสารก็ยังอยู่ในระดับ 80% จึงคาดหวังว่าเมื่อการเมืองมีแนวโน้มคลี่คลาย ภาพรวมธุรกิจก็น่าจะดีขึ้น ซึ่งช่วงไตรมาส 2 น่าจะดีกว่าไตรมาสแรก ส่วนภาพรวมรายได้ในปีนี้ คงไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา แต่ในส่วนของกำไรมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากปีก่อนธุรกิจมีการเติบโตดีมาก ประกอบกับปีนี้มีปัญหาทางการเมือง และสายการบินที่เปิดใหม่มีการลดราคาตั๋วลงมาต่ำมาก ทำให้จำนวนผู้โดยสารลดลงในบางเส้นทาง เช่น หาดใหญ่ และเชียงใหม่ เป็นต้น นอกจากนี้ ในช่วงโลว์ซีซัน บริษัทก็มีแผนที่จะปรับลดเที่ยวบินลงในบางเส้นทางชั่วคราว ทั้งอุดรธานี เชียงราย กระบี่ และนครศรีธรรมราช แต่เป็นการปรับลดแค่ชั่วคราว และยังมีแผนที่จะปรับลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่นงบโฆษณา และการปรับลดค่าใช้จ่ายเรื่องการบำรุงรักษาบางส่วนเป็นต้น สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัท ก็ยังคงเดินหน้าตามแผนที่วางไว้ โดยปีนี้มีแผนจะรับเครื่องบินใหม่ที่เครื่องบินเจ็ท 4 ลำ ซึ่งที่ผ่านมารับไปแล้ว 1 ลำ จึงเหลือที่จะรับเพิ่มอีก 3 ลำ และยังมีแผนจะสั่งเครื่องบินขนาดกลางและเล็กขนาดที่นั่ง 84-86 ลำอีก 4 ลำ เพื่อมาบินในจังหวัดที่เป็นเมืองรอง และเมืองเล็กในอนาคต นอกจากนี้ในช่วง 5 ปีข้างหน้ายังมีแผนจะสั่งเครื่องบินใหม่อีก 15 ลำ มีทั้งการเช่า และการซื้อเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในอนาคต "การสั่งเครื่องบินใหม่เข้ามา จะพอดีกับความต้องการ เพราะปัจจุบันนี้เครื่องบินแทบจะไม่พอกับความต้องการเดินทางของผู้โดยสาร เพราะฝูงบินของบริษัทที่มีอยู่ ก็ไม่ได้มีจำนวนมาก มีเครื่องบินแค่ 17 ลำ บินใน 22 เส้นทางเท่านั้น" ด้านม.ร.ว.ศุภดิศ ดิศกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ หรือ บาฟส์ (BAFS) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเป้าการเติบโตของปริมาณการเติมน้ำมันเครื่องบินปีนี้ที่ระดับ 7-8 % แม้ปัญหาการเมืองจะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางไทยน้อยลง ทำให้ปริมาณเติมน้ำมันในสนามบินสุวรรณภูมิในช่วงไตรมาสแรกติดลบ 2% และคาดว่าทั้งปีจะติดลบ 1% แต่ปริมาณเติมน้ำมันในสนามบินดอนเมืองเพิ่มขึ้นกว่า 20% ในช่วงไตรมาสแรก และคาดทั้งปีจะเติบโตได้ในระดับนี้ ทำให้ภาพรวมยังคงมีการเติบโต "การประกาศเคอร์ฟิว ไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ เพราะสายการบินไม่ได้มีการปรับลดเที่ยวบินลง ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติ มองว่าเมื่อปัญหาการเมืองคลี่คลาย นักท่องเที่ยวก็จะกลับมาไทย สำหรับแผนการลงทุนของบริษัท ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนแต่อย่างใด ยังคงเดินหน้าลงทุนตามแผนที่วางไว้ ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนสร้างถังเก็บน้ำมันในสนามบินดอนเมือง" Tags : นกแอร์ • บาฟส์ • แผนลงทุน • เคอร์ฟิว