บล.เอเซีย พลัส จัดทัพใหม่ ตั้ง "โฮลดิ้ง" แบ่ง 3 สายงาน หวังกระจายความเสี่ยง เตรียมปรับลดค่าคอมมิชชั่นลง นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า บริษัทคาดจะปรับโครงสร้างบริษัทเป็นโฮลดิ้งคัมปานี ซึ่งจะแล้วเสร็จในเดือน พ.ค. 2558 โดยการปรับโครงสร้างบริษัทเป็นโฮลดิ้งคัมปานี จะช่วยให้บริษัทแยกขาธุรกิจของบริษัทได้ชัดเจนเป็นทิศทางเดียวกับบริษัทหลักทรัพย์ในต่างประเทศ "ทิศทางการปรับเป็นโฮลดิ้่ง คอมปานีเป็นเช่นนี้ทั่วโลก อย่างในบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำจะปรับสัดส่วนรายได้จากนายหน้าค้าหลักทรัพย์จะอยู่ที่ระดับ 20-30% และรายได้ส่วนใหญ่จะมาจากการลงทุน ซึ่งเราจะไม่ไปถึงขั้นนั้น รายได้ส่วนใหญ่ยังมาจากการค้าขายหลักทรัพย์อยู่ แต่จะมีขาธุรกิจอื่นๆ เพื่อมาเสริมธุรกิจไม่ให้ผันผวน"นายก้องเกียรติ กล่าว โดยใน 3 ขา ของบริษัท จะแบ่งเป็น 1. บล.เอเซีย พลัส 2.บลจ.แอสเซท พลัส และ 3. บริษัทเอเชียพลัส แอดไวเซอรี่ เมื่อเปรียบเทียบกับในอดีตนั้น จะช่วยลดความเสี่ยงจากเดิมที่ให้บริษัทหลักทรัพย์ ถือหุ้นใน 2 บริษัท หากทั้ง 2 บริษัทมีปัญหาทางธุรกิจ จะทำให้เงินกองทุน หรือเอ็นซีอาร์ปรับลดลง ทำให้มีปัญหาในการดำเนินงานของบริษัทหลักทรัพย์ และหากบริษัทหลักทรัพย์ เกิดความเสียหายจะกระทบกับบริษัทลูกไปด้วย การแยกธุรกิจจะทำให้แต่ละบริษัทเป็นอิสระมากขึ้น บริษัทโฮลดิ้งจะถือเงินลงทุน ใน 3 บริษัท หากบริษัทลูกรายใดมีปัญหาจะไม่กระทบกับบริษัทอื่น และอนาคตอยากจะขายธุรกิจไหนออกไปสามารถทำได้ และหากจะซื้อบริษัทใดที่นอกเหนือธุรกิจเพื่อเป็นการลงทุน ก็สามารถทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งในการดำเนินการดังกล่าวจะไม่กระทบกับผู้ถือหุ้นแน่นอน ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานต่อเนื่อง โดยเฉพาะการพัฒนาบุคลากรให้มีคุณภาพ ทำให้เรามีจำนวนบุคลากรลดลงจาก 10 ปีก่อน 1,000 คน เหลือ 770 คน ในคณะที่สาขามีอยู่ที่ 18 สาขา โดยช่วงที่ผ่านมายอมรับว่า ได้มีการปรับลดค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ลงจาก 0.1830% จากไตรมาส 3 ในปีก่อน มาอยู่ที่ 0.1753 % ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรม ที่ปรับลดลงจาก 0.1499% เหลือ 0.1400% "บริษัทจะไม่เน้นการแข่งขันด้านคอมมิชชั่น แต่จะเน้นการให้บริการด้านข้อมูล ปัจจุบันบริษัทมีทีมวิเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มีนักวิเคราะห์ 45 คน ครอบคลุม หุ้นที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) 95%"นายก้องเกียรติ กล่าว ด้านนายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการ บริษัท ทรีนิตี้ วัฒนา หรือทรีนิตี้ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปีนี้ ยังเติบโตได้จากปี 2556 แม้ตลาดหุ้นมีภาวะซบเซา โดยรายได้ใน 9 เดือนแรก อยู่ที่ 583.66 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการลงทุนของบริษัทนั้น อยู่ในเกณฑ์ที่ดี และมีการกระจายรายได้นอกเหนือจากการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์มากขึ้น โดยในปีนี้ ตั้งเป้าหมายจะมีส่วนแบ่งทางการตลาด จากมูลค่าการซื้อขายที่ 3 %จาก 9 เดือนแรกที่ 2.91% "ปีนี้เรามองว่าผลการดำเนินงานจะดีกว่าปีก่อน แม้รายได้นายหน้าค้าขายหลักทรัพย์จะลดลงไป แต่รายได้ในส่วนอื่นๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากการกระจายความเสี่ยงของบริษัท ปัจจุบันมีรายได้จากค่าคอมมิชชั่น 49.71% รายได้จากการลงทุน 20.33% และรายได้ ธุรกิจด้านการจัดการกองทุนส่วนบุคคล อีก 11%" นายวิศิษฐ์ กล่าว Tags : ก้องเกียรติ โอภาสวงการ • วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล • บล.เอเชียพลัส • บล.ทรีนิตี้