กบง.ฉวยจังหวะราคาก๊าซโลกร่วงขึ้นแอลพีจี50สต.

หัวข้อกระทู้ ใน 'ข่าวสารการลงทุน' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 18 พฤศจิกายน 2014.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    กบง.ปรับขึ้นแอลพีจีภาคครัวเรือน-ขนส่งอีก 50 สตางค์ต่อลิตร หลังราคาในตลาดโลกร่วง ส่งผลให้ราคาใกล้ต้นทุน

    ยันไม่กระทบผู้มีรายได้-ร้านอาหาร-แผงลอย พร้อมเรียกเก็บเงินจากดีเซลเข้ากองทุนน้ำมันอีก 60 สตางค์ต่อลิตร เผยเตรียมส่งรายได้ภาษีคืนรัฐ

    การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กบง.)ตัดสินใจขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีภาคครัวเรือนและภาคขนส่ง หลังจากราคาในตลาดโลกปรับลดลงต่อเนื่อง ทำให้ราคาใกล้เคียงกับราคาต้นทุนที่ประมาณ 24 บาทต่อกิโลกรัม

    การปรับราคาแอลพีจีเป็นไปตามนโยบายปฏิรูปพลังงาน โดยต้องการปรับให้ราคาก๊าซใกล้เคียงกับต้นทุนที่แท้จริง เพื่อลดการอุดหนุนลง แต่การปรับครั้งนี้เร็วกว่าที่กบง.เคยกล่าวไว้ว่าจะปรับขึ้นหลังปีใหม่

    ขณะนี้นโยบายด้านราคาน้ำมันต้องการปรับให้ราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลใกล้เคียงกัน และให้สะท้อนต้นทุนเช่นเดียวกัน ส่งผลให้ที่ผ่านมา แม้น้ำมันในตลาดโลกปรับลดลง แต่ราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงน้อยกว่ากลุ่มเบนซิน ซึ่งที่ผ่านมาต้องเสียภาษีและเก็บเงินเข้ากองทุนมากกว่าเพื่อนำไปอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซล

    นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลังการประชุมกบง.วานนี้(17 พ.ย.)ว่ากบง.ตัดสินใจปรับขึ้นราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนและภาคขนส่งอีก 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม โดยขยับจากราคา 22.63 บาท/กก. เป็น 23.13 บาท/กก. มีผลตั้งแต่วันที่ 18 พ.ย.นี้

    นายณรงค์ชัย ให้เหตุผลการปรับในครั้งนี้ว่าเป็นช่วงจังหวะที่เหมาะสมที่ราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือแอลพีจีในตลาดโลกปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมาก จากที่เคยอยู่ที่ระดับ700-800 ดอลลาร์ต่อตันเมื่อช่วงกลางปี ลดลงมาเหลือระดับ 540 ดอลลาร์ต่อตันในปัจจุบัน

    “ที่ผ่านมาจากการปรับขึ้นราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนและภาคขนส่งครั้งล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้เข้าไปชดเชยราคาแอลพีจีเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1.75 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งมติกบง.ในครั้งนี้ ให้ลดการชดเชยลงอีกประมาณ 46.7สตางค์ต่อกิโลกรัม ซึ่งเมื่อบวกอัตราภาษีต่างๆเข้าไปจะมีผลให้ราคาแอลพีจีปรับขึ้นอีกประมาณ 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม โดยการชดเชยจะเหลือเพียงแค่ประมาณ 1.3 าทต่อกิโลกรัมก็จะสะท้อนต้นทุนจริงที่เฉลี่ยระหว่างโรงแยกก๊าซ โรงกลั่นน้ำมันและแอลพีจีนำเข้า ซึ่งเป็นเป้าหมายของกระทรวงพลังงาน ซึ่งเหลือการชดเชยอีกไม่มากแล้ว"นายณรงค์ชัย กล่าว

    ชี้ราคาก๊าซใกล้เคียงต้นทุน

    นายณรงค์ชัย กล่าวว่า ราคาแอลพีจีที่สะท้อนต้นทุนเฉลี่ยของทั้งโรงแยกก๊าซธรรมชาติ โรงกลั่นน้ำมัน และแอลพีจีนำเข้า เดิมคาดว่าจะอยู่ที่ 26-27บาท ต่อกิโลกรัม แต่เมื่อราคาแอลพีจีในตลาดโลกปรับตัวลดลงมาก ทำให้ต้นทุนเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ประมาณ 24.43 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งไม่น่าจะเป็นภาระต่อผู้บริโภค

    อย่างไรก็ตามกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้น้อย คือใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน และร้านค้าอาหาร หาบเร่แผงลอยที่ใช้แอลพีจี จะยังได้รับการช่วยเหลือผลกระทบในเงื่อนไขเดิม คือยังซื้อแอลพีจี ได้ในราคา 18.13 บาทต่อกิโลกรัม

    สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน กบง.ได้มีมติ โดยขอความร่วมมือไปยังผู้ค้าน้ำมันให้พิจารณาปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงลงให้กับผู้บริโภค ในกลุ่มน้ำมันเบนซิน และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดลง 0.60 บาท/ลิตร ยกเว้น E85 ราคาที่ราคาคงเดิม

    ส่วนน้ำมันดีเซล กบง. มีมติให้จัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 0.60 บาท/ลิตร แต่จะไม่ส่งผลต่อราคาขายปลีก โดยราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลจะคงอยู่ที่ 29.39 บาท/ลิตร

    เตรียมคืนรายได้ภาษีรัฐบาล

    ผลจากการปรับลดการชดเชยแอลพีจีภาคครัวเรือนและขนส่ง รวมทั้งการเรียกเก็บเงินจากดีเซลเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะทำให้กองทุนน้ำมันมีรายได้สุทธิเป็นบวกวันละ 273 ล้านบาท จากปัจจุบันที่กองทุนมีสถานะเป็นบวกอยู่ที่ ประมาณ 3,900 ล้านบาท

    "สถานการณ์ราคาน้ำมันยังปรับตัวลดลงอีก กองทุนก็จะเรียกเก็บเงิน จากดีเซลเพิ่มขึ้นอีกจนกว่ากองทุนจะมีฐานะเป็นบวกมากพอสมควร จึงให้หยุดนำส่งเงิน เพื่อโอนเงินจากกองทุนน้ำมันในส่วนของดีเซล ไปเป็นรายได้ให้กับรัฐในรูปของภาษีสรรพสามิต ทั้งนี้ จากผลของมติกบง.ครั้งนี้ กองทุนเก็บเงินจากดีเซลไปแล้วรวม 4.30 บาทต่อลิตร"

    นายณรงค์ชัย กล่าวด้วยว่าจากสถิติการปรับลดราคาน้ำมันภายหลังจากการเข้ามาบริหารงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)และคณะรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศตั้งแต่เดือนพ.ค.พบว่า มีการปรับตัวของราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงหลายครั้งในทุกกลุ่มน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งเบนซิน แก๊สโซฮอล์ และดีเซล ซึ่งหากรวมกับมติกบง.ในครั้งนี้ ทำให้ราคาน้ำมันในกลุ่มเบนซินและดีเซลเริ่มที่จะขยับเข้ามาใกล้เคียงกันมากขึ้น

    น้ำมันโลกลงเล็กน้อยรอประชุมโอเปก

    สำหรับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับลดลงต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียท ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 38 เซนต์ในตลาดสิงคโปร์วานนี้ (17 พ.ย.) อยู่ที่ 75.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ทะเลเหนือ ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 47 เซนต์ อยู่ที่บาร์เรลละ 78.94 ดอลลาร์

    นายเดสมอนด์ ฉั่ว นักวิเคราะห์แห่งบริษัทซีเอ็มซีมาร์เกต กล่าวว่าราคาไม่ได้ปรับตัวลงมากนัก และได้แรงหนุนจากการคาดหมายว่ากลุ่มโอเปกอาจลดเพดานการผลิตเพื่อป้องกันราคาร่วงลงไปอีก หลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์ต่ำกว่าระดับ 80 ดอลลาร์อย่างต่อเนื่อง

    ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ราคาน้ำมันลดลงแตะระดับต่ำที่สุดในรอบ 4 ปี หลังจากรัฐมนตรีหลายคนของกลุ่มโอเปกกล่าวว่าไม่มีแนวโน้มจะลดกำลังการผลิต แต่นักวิเคราะห์มองว่าการปรับตัวลงของราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่อง อาจบีบให้กลุ่มโอเปกลดเพดานการผลิต แม้บางประเทศไม่เห็นด้วย

    เวเนซุเอลากับเอกวาดอร์ เรียกร้องอย่างชัดเจนให้ลดกำลังการผลิต แต่ซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุด ได้ลดราคาในการส่งออกให้ตลาดสหรัฐเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด

    Tags : กบง. • พลังงาน • แอลพีจี • ขนส่ง • ปฏิรูป • ณรงค์ชัย อัครเศรณี • ต้นทุน • ดีเซล • ภาษี • โอเปก • เวเนซุเอลา

    [​IMG]
     

แบ่งปันหน้านี้