กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเผย ส่งออกเดือนเม.ย.ติดลบ0.87% นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การส่งออกเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา มีมูลค่า 1.72 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลง 0.87% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้าสินค้าเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา มีมูลค่า 1.87 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลง 14.45% ทำให้เดือนเม.ย.ไทยขาดดุลการค้า 1,453 ล้านดอลลาร์ การส่งออกเดือนม.ค.-เม.ย.ที่ผ่านมา มีมูลค่าการส่งออกรวม 7.34 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลง 0.97% การนำเข้า 7.42 หมื่นล้านบาท ลดลง 15.19% ส่งผลให้ 4 เดือน ขาดดุลการค้ารวม 747.5 ล้านดอลลาร์ สาเหตุสำคัญที่ทำให้การส่งออกสินค้าในเดือนเม.ย.ลดลง เนื่องจากราคายางพาราตกต่ำ โดยราคายางพาราตลาดโลกลดลง 40% มาอยู่ที่ตันละ 2,200 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนปริมาณการส่งออกไม่ได้ลดลง ทำให้การส่งออกยางพาราเดือนเม.ย. ปรับตัวลดลง 27.4% ขณะที่ปัญหากุ้งที่เป็นโรคมานานต่อเนื่อง ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ทำให้การส่งออกกุ้งลดลง 12% และการส่งออกน้ำตาลมูลค่าลดลง เพราะราคาตลาดโลกปรับลดลงเช่นเดียวกัน นอกจากนี้กลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ส่งออกลดลงต่อเนื่อง 4.8% โดยเป็นการหดตัวในตลาดสำคัญ เช่น สหรัฐ และจีน ปัจจัยที่ส่งผลต่อการส่งออกคือ การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีการผลิตของสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดสินค้าเครื่องคอมพิวเตอร์ อีกทั้งเป็นผลจากการย้ายฐานการผลิตจองโตชิบาที่ย้ายการผลิตฮาร์ดดิสที่อยู่ในเมืองไทยทั้งหมดไปจีน กลุ่มยานยนต์และส่วนประกอบ ติดลบ 1.5% เป็นผลจากการหดตัวของตลาดหลัก เช่น ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย และแอฟริกาใต้ ส่วนตลาดออสเตรเลีย ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในที่ซบเซาทำให้ความต้องการนำเข้าทั้งรถยนต์สำเร็จรูปและส่งประกอบลดลง ขณะที่ตลาดส่งออกหลัก ญี่ปุ่นติดลบ 4.5% เป็นการติดลบเป็นเดือนแรกของปี เป็นผลจากการที่ญี่ปุ่นปรับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มในประเทศ ส่งผลต่อการนำเข้าสินค้าลดลง ส่วนสหรัฐเติบโต 0.6% และสหภาพยุโรป (อียู) เพิ่มขึ้น 5.4% ด้านตลาดอาเซียนในภาพรวมติดลบ 1.9% โดยมีสิงคโปร์ติดลบ 19.4% และอินโดนีเซียติดลบ 24.8% เช่นเดียวกับการส่งออกไปจีน ที่ยังคงหดตัวต่อเนื่อง 9.5% เพราะรัฐบาลจีนต้องการรักษาการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เน้นนโยบายการพึ่งพาการบริโภคภายในประเทศและลดการส่งออก จีนจึงนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศน้อยลง นางนันทวัลย์ กล่าวว่า การส่งออกเริ่มมีสัญญาดี โดยเดือนเม.ย.เริ่มขยายตัวเป็นติดลบน้อยลง และคาดไตรมาส 2 จะส่งออกได้ดีขึ้น เพราะเศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัวดีขึ้น เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยดีขึ้น และเริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะตลาดสำคัญ เช่น สหรัฐ สหภาพยุโรป ที่กลับมาเป็นบวก และถ้าจีน ซึ่งเป็นอีกประเทศส่งออกสำคัญของไทยกลับมาเป็นบวกได้ เชื่อว่าการส่งออกครึ่งปีจะขยายตัวเป็นบวกได้ 2-3% ขณะที่ยอดส่งออกทั้งปีนี้คงยืนยันเป้า 5% แต่จะมีการปรับเป้าใหม่หรือไม่ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่ โดยกรมฯ มีข้อมูลในทุกๆ ด้านแล้ว ทั้งแนวโน้มตลาด แผนผลักดันการส่งออก ปัจจัยบวก ปัจจัยลบ ซึ่งสามารถนำเสนอได้ทันที ปัญหาเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการเพื่อผลักดันการส่งออกในขณะนี้ ก็คือ การเรียกความเชื่อมั่นจากคู่ค้า ซึ่งกรมฯ ได้ยืนยันและสั่งการให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกไปชี้แจงคู่ค้าแล้วว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้น ไม่มีผลกระทบต่อการค้า และกำลังที่จะเร่งแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่กระทบต่อการส่งออก ทั้งเรื่องปัญหาการใช้แรงงานในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือจากหลายๆ กระทรวง ปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบในอุตสาหกรรมกุ้ง เป็นต้น Tags : นันทวัลย์ ศกุนตนาค • กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ • ส่งออก • ขาดดุลการค้า