โมเบียสชี้ปีหน้าหุ้นไทยขาขึ้น

หัวข้อกระทู้ ใน 'ข่าวสารการลงทุน' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 17 พฤศจิกายน 2014.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    "โมเบียส" มองหุ้นไทยปีหน้ายังขึ้นต่อเนื่อง ให้ผลประกอบดีหลังการเมืองเปลี่ยน มั่นใจตลาดเกิดใหม่ระยะยาวน่าลงทุน

    นายมาร์ค โมเบียส ประธานกองทุนเทมเพิลตันในฮ่องกง ผู้ได้ฉายาราชากองทุนตลาดเกิดใหม่ ให้ความเห็นเกี่ยวกับมุมมองการลงทุนของเขาในตลาดการเงินโลกว่า ยังคงมองการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ระยะยาวน่าสนใจแบบไม่เปลี่ยนแปลง บนพื้นฐานการวิเคราะห์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่โดยทั่วไป ขยายตัวได้เร็วกว่าเศรษฐกิจกลุ่มตลาดพัฒนาแล้ว ตลาดเกิดใหม่มีทุนสำรองสกุลเงินต่างประเทศมากกว่าตลาดพัฒนาแล้ว รวมทั้งมีหนี้ต่อจีดีพีต่ำกว่าตลาดพัฒนาแล้วอย่างมาก

    ปัจจุบันนายโมเบียส บริหารเม็ดเงินราว 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ในกองทุนเทมเพิลตัน เอเชียน โกรท ฟันด์ ซึ่งใหญ่ที่สุดของเอเชีย ยังมองและวิเคราะห์เกี่ยวกับประเทศไทย ด้วยการตั้งข้อสังเกตจากเหตุการณ์การเมืองช่วงที่ผ่านมาว่า ทั้งๆ ที่ไทยเผชิญกับปัญหาความขัดแย้ง และความวุ่นวายทางการเมือง แต่ตลาดหุ้นในประเทศยังคงปรับขึ้นต่อเนื่อง และเมื่อทหารเข้ามาประกาศให้รู้ว่า มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ยิ่งทำให้ตลาดหุ้นปรับขึ้น ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าตลาดหุ้นไทยจะยังคงมีผลประกอบการที่ดีจากนี้ไป

    ทั้งนี้นายโมเบียส เพิ่มเติมว่า มีเหตุการณ์ทางการเมืองหลายอย่างเกิดขึ้นทั่วภูมิภาคเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งระหว่างเวียดนาม ฟิลิปปินส์และจีน เกี่ยวกับเขตแดนในทะเลจีนใต้ ซึ่งยังเป็นประเด็นปัญหาข้อพิพาทอย่างต่อเนื่อง และจะใช้เวลาอีกนานหลายปีเพื่อแก้ปัญหา เขามองว่าปัญหาเหล่านี้ในช่วงที่ผ่านมา แท้จริงแล้วไม่ได้ส่งผลกระทบเชิงเศรษฐกิจให้กับภูมิภาค

    ราชากองทุนตลาดเกิดใหม่ มองว่า ความกลัวที่เกิดจากภาวะผันผวน ถือเป็นความเสี่ยงของตลาดในปีหน้า ในสถานการณ์ที่ข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจจีนอ่อนแอ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง และมีเงินเก็งกำไรไหลเข้าไปหาสินทรัพย์สกุลเงินดอลลาร์ เป็นสาเหตุให้เกิดความตื่นกลัว และความผันผวนในตลาดเกิดใหม่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา

    "ความกลัวเรื่องความผันผวน ถือเป็นความเสี่ยงของตลาดการเงินโลก ความผันผวนจริงๆ แล้ว ไม่ใช่ปัญหาแต่ปัญหาอยู่ที่ความกลัว เพราะความผันผวนสร้างโอกาส และในเวลาที่หุ้นผันผวนเป็นโอกาสให้เข้าไปซื้อในราคาต่ำ และรอขายได้เมื่อระดับราคาสูง แต่ผู้คนกลับกลัวกันมาก พอเห็นความผันผวนพากันหยุดชะงัก จนไม่มีการตอบสนอง นั่งจมอยู่กับเงินสดนานเกินไป"

    นายโมเบียส อธิบายว่า ในภาวะแวดล้อมที่สหรัฐอาจชะลอการขึ้นดอกเบี้ย และดอกเบี้ยทั่วโลกยังไม่สูง หนทางดีที่สุดคือการลงทุนในกองทุนรวมที่ดี มีการกระจายความเสี่ยงได้ดี โดยเฉพาะกองทุนในตลาดเกิดใหม่ นักลงทุนควรกระจายความเสี่ยงให้พอร์ตลงทุนอยู่เสมอ และเลือกผู้จัดการกองทุนที่มีความสามารถ และทุ่มเทกับการบริหารกองทุนอย่างเต็มที่

    หากดูเป็นกลุ่มว่ากลุ่มไหนน่าลงทุน ให้ดูจากพอร์ตของกองทุนเทมเพิลตัน จะเห็นว่าภาคธนาคาร มีความสำคัญมาก เพราะกลุ่มธนาคารสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างมากในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ อีกกลุ่มหนึ่งคือพลังงาน ได้แก่ แก๊สกับน้ำมัน การกระจายการลงทุนไปที่บริษัทผลิตน้ำมันและแก๊สก็สำคัญ เชื่อว่าความต้องการเชื้อเพลิง ยังคงเพิ่มขึ้นทั่วโลก ราคาน้ำมันและแก๊สยังแข็งแกร่งมาก จึงคิดว่ากลุ่มธุรกิจเหล่านี้เป็นส่วนที่เขาต้องการลงทุน

    โมเบียส คิดว่า กลุ่มธุรกิจเพื่อผู้บริโภคก็น่าสนใจ เพราะรายได้ต่อหัวกำลังปรับขึ้น ทำให้เขาต้องการขยับพอร์ตลงทุนในหุ้นเกี่ยวข้องกับผู้บริโภคด้วย กลุ่มธุรกิจบริการเพื่อสุขภาพเป็นอีกกลุ่มที่เขาชื่นชอบ เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่มีการวิจัยและนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งมุมมองดังกล่าวของนายโมเบียส สอดรับกับข่าวในเดือนมิ.ย.ปีนี้ว่า บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวข้องผลิตภัณฑ์เสริมความงาม แจ้งว่าเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2557 ว่ามีรายการบิ๊กล็อต (Big Lot) เกิดขึ้น 30 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 10% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ซึ่งเป็นการขายหุ้นของบริษัทให้แก่แฟรงคลิน เทมเพิลตัน อินเวสต์เมนท์ในความดูแลของนายโมเบียส

    Tags : มาร์ค โมเบียส • ตลาดหุ้นไทย • ผลประกอบการ • การเมือง • ตลาดเกิดใหม่

    [​IMG]
     

แบ่งปันหน้านี้